วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ชาติที่แล้วเราเป็นใครกันหนอ ? (2)



3. แบ่งไปตามลักษณะจิตใจหรือความต้องการลักษณะจิตใจของมนุษย์เราแต่ละคนนั้นมีความแตกต่าง
ซึ่งการแบ่งในลักษณะนี้มักจะเป็นไปตามลักษณะของทางธรรมว่าด้วยเรื่องของจิต
ซึ่งมีทั้งลักษณะที่ดีและไม่ดีว่ามาจากจิตเดิมที่ต่างภพทั้งที่เคยอยู่สูงกว่าและต่ำกว่าภพภูมิของมนุษย์

3. แบ่งไปตามลักษณะจิตใจหรือความต้องการลักษณะจิตใจของมนุษย์เราแต่ละคนนั้นมีความแตกต่าง
ซึ่งการแบ่งในลักษณะนี้มักจะเป็นไปตามลักษณะของทางธรรมว่าด้วยเรื่องของจิต
ซึ่งมีทั้งลักษณะที่ดีและไม่ดีว่ามาจากจิตเดิมที่ต่างภพทั้งที่เคยอยู่สูงกว่าและต่ำกว่าภพภูมิของมนุษย์

ท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินคำว่า คนที่ดีและชั่วนั้นอาจเกิดขึ้นมาจาก “กมลสันดานเดิม” ที่ติดตัวมา
บางคนก็ดีประดุจเทพไม่มีอะไรจะมาสั่นไหวคลอนแคลนคุณธรรมของเขาไปได้ แต่กับบางคนก็ชั่วร้ายสุดพรรณนาไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน นี่ก็อาจเป็นพื้นฐานจากจิตเดิมที่มาจากภพภูมิที่แตกต่างกัน

คนที่มีลักษณะนิสัยทางจิตในทางที่ดีมนุษย์บางคนเกิดมาก็มีนิสัยรักสวยรักงาม รักความมีอารมณ์ดี
เป็นคนใจเย็นโกรธยากใจดีมีคุณธรรมมากมีความกลัวบาปโดยที่ไม่มีต้องสั่งสอนมาก
มนุษย์ประเภทนี้ก็อาจมีจิตฐานเดิมคือมีใจเป็น เทวดาหรือเคยเกิดเป็น “เทวดา” มาก่อน

บางคนก็มีวิสัยชอบไปปฏิบัติธรรมบำเพ็ญการเจริญสมาธิภาวนาอยู่เป็นประจำ ทำได้ดีโดยไม่ต้องสอนอะไรมากเข้าถึงเรื่องการประพฤติธรรมได้เร็วมีความเมตตาและคุณธรรมสูงกว่ามนุษย์ธรรมดา
ก็อาจมีจิตฐานเดิมคือมีใจเป็น “พรหม” หรือมีความเป็นอยู่แบบเป็นฤๅษีมาก่อนในภพชาติปัจจุบัน
เมื่อจิตเดิมหรือสัญญาเดิมยังคงมีเหลือจึงสามารถกระทำและเข้าถึงธรรมะได้เร็ว

ด้วยการตั้งข้อสันนิษฐานเช่นนี้จึงเป็นที่น่าคิดได้ว่าอาจเป็นที่มาของคำกล่าวว่า “โชคดีที่ได้เจอคนดี เหมือนมีพระหรือมีเทพมาโปรด”

มีครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งของผู้เขียนที่ในชาติอายุท่านยังน้อย อ่อนกว่าผู้เขียนเป็นรอบ
แต่ภูมิธรรมของท่านสูงมาก และท่านได้ช่วยเหลือคนมามากมายในประเทศนี้ ทั้งผู้ใหญ่ระดับชาติและคนทั่วไปท่านบอกกับผู้เขียนเองว่า ในอดีตชาตินั้นท่านเคยเป็นฤๅษีมาก่อน เคยบำเพ็ญบารมีมา

และมาเกิดในชาตินี้ จึงต้องมีหน้าที่เอาความรู้เดิม บุญเก่าของท่านมาช่วยคนที่ตกทุกข์ยากในเรื่องต่างๆ
ที่ในชาติก่อนไม่มีโอกาสได้ช่วยทั้งๆ ที่เขามาขอความช่วยเหลือไว้ และคนพวกนั้นก็ตามมาเกิด
และยังคงอยากจะให้ช่วยเหมือนเดิม ครูบาอาจารย์ท่านนี้ท่านเก่งมากในเรื่องของโรคเวรโรคกรรมและการแก้ไขในวิบากกรรมไม่ดี

คนที่มีลักษณะนิสัยจิตไปในทางที่เลวตรงกันข้ามกับชีวิตของมนุษย์บางคนที่ชีวิตนี้เป็นทุกข์เดือดร้อนใจอยู่เสมอ จนมักเอ่ยคำว่า “ตกนรกทั้งเป็น” ก็เพราะมีจิตเดิมที่มีประสบการณ์เหมือนตกนรกมาแล้วหลายครั้งอันเนื่องมาจากการกระทำเดิมของตนเองเมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์แล้วจึงมีจิตใจที่ร้อนรุ่มอยู่ที่แห่งใดก็ไม่เคยเป็นสุขอาจจะมีอุปนิสัยขี้ร้อนอยู่เสมอ ต้องอาบน้ำวันละหลาย ๆครั้ง ก็เพราะในอดีตชาติอาจเคยเกิดเป็น “สัตวนรก”ที่ต้องทนทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัสและยาวนานมากมาก่อน

หรือในคนที่มีจิตใจละโมบโลภมากที่ไม่รู้จักพอมีเท่าไหร่ก็ยังหิวโหยไม่มีที่สิ้นสุดและอยากจะได้สิ่งต่าง ๆอยู่ร่ำไปก็มีใจเป็น “เปรต” บางคนก็ถือตัวถือตนชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่คอยข่มเหงรังแกคนอื่นก็มีใจเหมือน “ยักษ์มาร”

ดังนั้นเราจึงจะเห็นได้ว่าบรรดามนุษย์ที่เกิดมาในภพชาติปัจจุบันจึงมีทั้งคนดีคนเลวแตกต่างกันไป
บางคนก็ทำความดีได้ง่ายไม่รู้สึกยากเย็นก็เพราะมีจิตฐานเดิมที่อยู่ในภพภูมิที่สูงคือเคยเป็น
อย่างน้อยก็ภพภูมิมนุษย์หรือสูงขึ้นไป แต่กับบางคนก็รู้สึกว่าการทำความดีเป็นเรื่องยากลำบาก
คนที่ทำชั่วได้ง่ายโดยไม่รู้สึกอะไรต้องมีผู้รู้มาคอยชี้ทางสั่งสอนและใช้เวลายาวนานในการเรียนรู้
ในการทำความดีก็เพราะอาจเคยเกิดอยู่ในภพภูมิที่ต่ำกว่า

พระพุทธองค์เคยรำพึงออกมาเกี่ยวกับเรื่องการทำความดีของมนุษย์ว่า “คนดีความดีทำง่ายแต่ความชั่วทำยากแต่คนชั่วความชั่วทำง่ายแต่ความดีนั้นทำยาก”

4. แบ่งไปตามลักษณะความสัมพันธ์ของบุคคลลักษณะความสัมพันธ์ของมนุษย์แต่ละคนนั้น
มีการนำมาตั้งสมมติฐานถึงในอดีตชาติได้ว่าเป็นเพราะเคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อนทั้งในทางที่เกื้อกูลซึ่งกันและกันและมีความสัมพันธ์ในลักษณะที่ไม่ดีคือเป็นศัตรูต่อกัน

4.1 ความสัมพันธ์ในลักษณะที่เกื้อกูลกันอย่างคนที่เกิดมาเป็น พ่อแม่ลูกกัน,เป็นพี่น้อง,หรือญาติ
ก็เพราะในอดีตชาติเคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาก่อน มีความผูกพันรักใคร่กันมายาวนาน
ในภพชาติปัจจุบันจึงได้กลับมาเจอกันกลับมาสร้างความสัมพันธ์ที่ต้องคอยช่วยเหลือดูแลกันต่อไป

หรือกรณีที่คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยแต่ละคนได้มาเจอกัน ได้มาร่วมงานกันแล้วได้มาช่วยกันสร้างงาน, สร้างความสำเร็จหรือสร้างบุญร่วมกันดังที่มีตัวอย่างบุคคลสำคัญทางด้านธุรกิจหลายคน
ผู้ที่เป็นหุ้นส่วนกันแล้วสามารถสร้างบริษัทเล็ก ๆให้กลายเป็นบริษัทใหญ่ ๆ มีชื่อเสียงระดับโลก

หรือ ทีมงานใด ๆที่ร่วมกันสร้างงานจนประสบความสำเร็จ หรือคนที่ได้มาบวชในพระพุทธศาสนาพร้อม ๆ กันและเจริญในพระธรรมพร้อมกันหรือได้กลายเป็นลูกศิษย์อาจารย์กัน ก็เพราะได้กระทำกรรมร่วมกันมาในอดีตชาติ ในปัจจุบันจึงได้กลับมาร่วมงานหรือร่วมบุญกันอีก

หรือในกรณีของคนที่จะเป็นคู่รักกันก็เพราะมีความสัมพันธ์แต่เดิมในอดีตดังที่
พระพุทธองค์ทรงตรัสกล่าวถึงเรื่องของความรักและบุพเพสันนิวาส (ธัมมปทัฏฐกถาภาคที่ 2 สามาวดี)ไว้ว่า

“ปุพฺเพ วะ สันนิวาเสนะ ปัจจะปันนะหิเตนะ วา เอวันตัง ชะยะเต เปมัง อุปะลัง วะ ยะโส ทะเก ฯ” อันหมายความว่าความรักนั้น เกิดขึ้นด้วยเหตุ 2 ประการได้แก่

1. ด้วยเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ปางก่อน 2. ด้วยช่วยเหลือเกื้อกูลกันในปัจจุบัน

ทั้งนี้การที่ความรักจะเกิดขึ้นมานั้น ต้องมีการอยู่ร่วมกันแต่ปางก่อน
และเกื้อกูลช่วยเหลือกันมาด้วยในภพปัจจุบันเป็นส่วนประกอบสำคัญ ตัวอย่างเช่นพระพุทธองค์เองได้พบกับพระนางพิมพา
ในอดีตชาติแรกสุดคือ พระองค์เป็นสุเมธดาบส และพระนางพิมพาเกิดเป็นพระนางอมิตตา
พระนางอมิตตาเคยลงไปช่วยสุเมธดาบสทำทางเพื่อเป็นทางผ่านของพระพุทธเจ้าทีปังกร
พระนางอธิษฐานขอพรจากพระพุทธเจ้าทีปังกรให้เป็นเนื้อคู่กับสุเมธดาบสทุกชาติไป
ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นเพราะไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ชาติ พระนางและสุเมธดาบสจะเกิดเป็นอะไรก็ตามต่างก็ได้มาเคียงคู่กัน

การที่คนสองคนซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไรในอดีตชาติมีสัญญาหรือความทรงจำเดิม มีการกระทำหรือเคยร่วมกรรมกันมาทั้งในฝ่ายกรรมดีและกรรมไม่ดี เมื่อมาในชาตินี้ก็ได้มีโอกาสอีกครั้งที่ดวงจิตสองดวงที่เคยเคียงคู่กันอาจจะได้มีโอกาสมาร่วมคู่ครองกันอีกครั้งเพื่อเกื้อกูลกันสร้างบุญกุศลหรือมาชดใช้ในเรื่องวิบากกรรมเก่าในชาติปัจจุบันนี้

ดังนั้นคนที่จะเป็นเนื้อคู่ที่ผูกกันพันมาตั้งแต่อดีตชาติเวลาที่พบเจอกันก็จะมีความรู้สึกคุ้นเคย
ห่วงหาอาทรกันอย่างไม่อาจบอกได้ว่าเป็นเพราะอะไร อันเป็นที่มาของวลีอมตะที่ว่า
“เขาหรือเธอคนนี้ เป็นคนที่เกิดมาเพื่อพบกับเราอย่างแท้จริง” อย่างนี้เป็นต้น

a. ความสัมพันธ์ในลักษณะที่เป็นศัตรูกันประเภทเห็นหน้าก็ไม่ถูกชะตาเราทุกคนอาจจะได้พบเหตุการณ์เช่นนี้คือ
เมื่อพบเจอหน้ากันเพียงครั้งแรกก็มีความรู้สึกว่าไม่ถูกชะตากันแล้วอันไม่อาจจะบอกได้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอันใดการที่เรามีความรู้สึกว่า “ตัวเรากับคนๆนี้ชะตาไม่ถูกกันเลย” เป็นเพราะว่า ตัวจิตเดิมหรือสัญญาเดิมของเราเองเป็นผู้บอกเอาไว้เพราะดวงจิตของคนนั้นได้ผ่านการเวียนว่ายตายเกิด มาหลายภพหลายชาติแล้วจึงสามารถรู้ได้จำได้ลางๆ ว่าคนนี้ได้เคยเป็นศัตรูกันมาก่อนและ ไม่มีการอโหสิกรรมกันทำให้ต้องเป็นศัตรูกันตลอดไปก็เลิกจองเวรกันในชาตินี้

คนในครอบครัวเดียวกันเบียดเบียนกันเองเรื่องราวของคนในครอบครัวที่เป็น พ่อแม่พี่น้องฆ่ากันตายนั้น
หรือกระทำทารุณกรรมกันในลักษณะต่าง ๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ บางคนอาจจะสงสัยว่าเหตุใดคนที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกันแท้ ๆกลับไม่รักกันก็เป็นเรื่องของ จิตเดิมและอดีตกรรมเป็นเรื่องของอดีตชาติของคนที่เคยเป็นศัตรูกันมาหรือคนที่เป็นคู่อาฆาตกันมาแต่อดีตชาติแล้ว เป็นเจ้ากรรมนายเวรซึ่งกันและกันตามชดใช้กรรมซึ่งกันและกรรม

เมื่อต่างคนต่างเกิดมาเจอกันอีก ก็จะต้องมีเรื่องให้สะสางกันล้างแค้นกันโดยระดับความรุนแรงขึ้นอยู่กับ
เหตุการณ์ในครั้งก่อน ๆ เป็นปัจจัยและส่วนใหญ่คู่อาฆาตกันจริง ๆ แล้วจะต้องอยู่ใกล้กัน
ยิ่งเป็นคู่ที่ต้องสะสางกันหลาย ๆ เรื่องแล้ว โอกาสที่จะเกิดเป็นพี่น้องกันญาติกันจึงมีมากชาติปัจจุบันนี้
จึงมาคิดบัญชีก้นต่อไม่จบสิ้นเพราะยังไม่มีใครอโหสิกรรมหรือเลิกจองเวรกันได้ง่าย ๆ

เช่นกรณีที่พี่ฆ่าน้อง,อาฆ่าหลาน ,ลูกฆ่าพ่อแม่, พ่อข่มขืนลูกหรือแม้แต่การเบียดเบียนให้เดือดร้อนในทางอื่น ๆเช่นลูกเป็นเหตุให้เสียทรัพย์ หรือเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นที่อับอายต่อวงศ์ตระกูลก็เพราะมีอดีตชาติที่ได้อาฆาตผูกพันจองเวรกันมาและยังต้องตามชดใช้กรรมกันต่อไป

5. แบ่งไปตามลักษณะของความเป็นไปของมนุษย์อันเกิดจากการกระทำคนที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ด้วยกันก็ยังสามารถตั้งข้อสงสัยต่อได้อีกว่าเมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ทำไมคนเรานั้นจึงมีความแตกต่างกันในด้านความเป็นอยู่และเป็นไปในด้านต่าง ๆมากเหลือเกิน ทำไมบางคนเกิดมารวย มาสวย เก่งมีปัญญาแต่กับบางคนก็เกิดมาอัปลักษณ์มีชีวิตที่หดหู่มีแต่ความทุกข์หรืออุปสรรคในชีวิตนานัปการ

ลักษณะของความเป็นอยู่และเป็นไปของคนเรานั้น พระพุทธองค์ได้ตรัสอธิบายเป็นข้อธรรม
ให้กับชายหนุ่มที่ชื่อ “สุภมานพ” เป็นลูกของเศรษฐีที่มีความสงสัยในเรื่องกรรม
เขามีความสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า ถ้าความดี ความชั่วมีจริงอย่างนี้ ทำไมคนเราเกิดมาจึงไม่เหมือนกัน

และเขาได้ไปเข้าเฝ้าถามพระพุทธเจ้า เป็นคำถาม 7 คู่ รวมเป็น14 ข้อ และพระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสตอบ
โดยทรงขยายความในจูฬกัมมวิภังสูตร ซึ่งจะขอนำมาสรุปให้ทราบกันดังนี้คำถามคู่ที่ 1 สุภมานพถามว่า
“ทำไมบางคนเกิดมาอายุสั้น บางคนอายุยืน?” พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสตอบว่า

“คนที่เกิดมาอายุสั้นนั้น ก็เป็นเพราะว่า เมื่อชาติปางก่อนเป็นคนที่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
ไม่มีศีล 5 เมื่อสิ้นอายุขัยจากชาตินั้นแล้ว ต้องไปตกนรกหมกไหม้เพื่อชดใช้กรรมที่ทำมา
จนเมื่อรับโทษจากนรกจนหมดกรรมชั่วนั้นแล้ว ก็กลับมาเกิดเป็นคน เพราะเป็นผลของเศษเวรเศษกรรม
ที่เคยทำมาและติดตามมาส่งผลจึงทำให้ต้องอายุสั้นตายเร็ว ไม่มีโอกาสได้สร้างบุญกุศล

ส่วนคนที่เกิดมาอายุยืนนั้น ก็เพราะเมื่อชาติปางก่อนเขาเป็นคนมีศีล 5 มีศีลธรรมประจำใจ
เมื่อสิ้นอายุขัยจากชาตินั้นแล้ว จึงไปเกิดในภพภูมิที่ดี เช่นไปเกิดเป็นเทวดาในชั้นต่างๆ ได้เสวยบุญที่ทำมาเมื่อถึงเวลาพ้นจากภพนั้นแล้ว ก็มาเกิดมาเป็นคนอีกครั้ง บุญกุศลที่เคยสะสมมา ก็ยังตามมาส่งผลทำให้อายุนั้นยืนยาว

คำถามคู่ที่ 2 สุภมานพถามว่า “ทำไมบางคนมีโรคภัยไข้เจ็บมาก บางคนไม่ค่อยมีโรคภัยไข้เจ็บ?”พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสตอบว่า

“การที่คนเกิดมามีโรคภัยไข้เจ็บมาก ก็เพราะว่าเมื่อชาติปางก่อนนั้นเป็นคนที่ชอบทรมานทรมาน เบียดเบียนสัตว์กักขังสัตว์ ซึ่ง “สัตว์” ในความหมายทางพระพุทธศาสนานั้น หมายถึง สัตว์ที่มีรูปกายละเอียดที่สายตามนุษย์ธรรมดามองไม่เห็น ได้แก่ พรหม เทพเทวดา เปรต อสุรกาย หรือสัตว์นรกต่าง ๆและสัตว์ที่มีรูปกายหยาบที่สายตามนุษย์เห็นได้ได้แก่ สัตว์เดรัจฉาน และมนุษย์ด้วยกันเอง

การเกิดแต่กรรมนี้ก็คือ เกิดจากกรรมที่ทำให้สัตว์นั้นเจ็บปวดทรมานได้ตามมาส่งผลเป็นวิบากกรรมในฝ่ายไม่ดีในชาตินี้ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ นานา จนบางคนที่ถูกโรคบางโรคคุกคามจนไม่หายขาดเสียทีก็เรียกว่าโรคเวรโรคกรรม ในคนที่เกิดมามีสุขภาพดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บที่รุนแรงและบ่อยครั้งจนรักษาไม่ได้นั้น กล่าวโดยสรุปก็คือด้วยเหตุที่ว่าคนเหล่านั้นที่มีชีวิตความเป็นอยู่เป็นผู้มีอายุยืนยาวก็เพราะเป็นคนมีความเมตตาต่อสัตว์ ไม่เบียดเบียนและเอ็นดูสัตว์ทั้งหลาย

คำถามคู่ที่ 3 สุภมานพถามว่า “ทำไมบางคนเกิดมารูปร่างไม่สวย ส่วนบางคนรูปร่างสวย” พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสตอบว่า

“คนบางคนเป็นคนขี้โกรธ มีความโกรธเป็นเจ้าเรือน” ก็คือ เมื่อสิ้นอายุขัยไปแล้วจึงไปเกิดในอบายภูมิหรือสถานที่ลำบาก เมื่อ หมดจากภพนั้นได้มาเกิดเป็นคนอีกครั้ง เพราะความที่เป็นคนขี้โกรธอยู่เสมอ ชาตินี้จึงเป็นคนที่มีหน้าตาขี้ริ้ว ขี้เหร่ ไม่สวยงามอัปลักษณ์

“ส่วนเหตุที่คนเกิดมานั้นรูปสวย” ก็คือ เป็นเพราะในชาติปางก่อนเป็นคนดีมีเมตตา
ไม่เป็นคนขี้โกรธเจ้าอารมณ์จึงส่งผลให้เขาผู้นั้นมีรูปร่างหน้าตาสวยงาม

คำถามคู่ที่ 4 สุภมานพถามว่า “ทำไมคนบางคนเกิดมามีวาสนาน้อย
เป็นคนที่ต่ำต้อยกับทำไมคนบางคนจึงเกิดมามีวาสนามียศถาบรรดาศักดิ์” พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสตอบว่า

“คนบางคนเกิดมามีวาสนาน้อย เพราะเมื่อชาติปางก่อนนั้นเป็นคนขี้อิจฉาริษยา คือ เป็นคนที่เห็นคนอื่นดีกว่าตัวเองไม่ได้ต้องคอยอิจฉาริษยาคนอื่นร่ำไปเมื่อเกิดมาใหม่จึงต้องรับผลกรรมแห่งความริษยานั้นด้วยการเกิดมาทุกข์ยากต่ำต้อย”

“ส่วนคนบางคนจึงเกิดมามีวาสนามียศถาบรรดาศักดิ์ เพราะเป็นคนมีใจคอกว้างขวาง ไม่คิดอิจฉาริษยาใครยินดีที่เห็นผู้อื่นนั้นมีความสุขความเจริญคือ เป็นคนที่ทั้งชีวิตนั้นมองเห็นความสำเร็จของผู้อื่นด้วยความชื่นชมยินดีเบิกบานและเป็นสุขไม่คิดชิงดีชิงเด่นกับใคร”

คำถามคู่ที่ 5 สุภมานพถามว่า “ทำไมคนบางคนเกิดมายากจน คนบางคนเกิดมาร่ำรวย” พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสตอบว่า

“คนบางคนเกิดมายากจน เพราะชาติปางก่อนเขาเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ไม่รู้จักบริจาคทาน จึงเกิดมายากจนส่วนคนที่เกิดมาร่ำรวย ได้พ่อแม่ร่ำรวย เกิดมาในสกุลที่ร่ำรวย ก็เพราะว่าชาติก่อนนั้นเขาเป็นคนที่บริจาคทานยินดีในการบริจาค ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว”

คำถามคู่ที่ 6 สุภมานพ ถามว่า “ทำไมคนบางคนเกิดในสกุลต่ำ คนบางคนเกิดมาในสกุลสูง”พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสตอบว่า

“เพราะชาติปางก่อน คนบางคนเกิดในสกุลต่ำ คนประเภทนี้เป็นคนไม่อ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
เป็นคนแข็งกระด้างเมื่อตายไปก็ไปเกิดในสถานที่ลำบาก เช่น นรก เป็นต้น เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วจึงเกิดในสกุลต่ำ เช่นในสกุลจัณฑาลหรือเป็นพวกชาวประมงเป็นพวกที่แร้นแค้น ลำบาก เดือดร้อน”

ส่วนคนที่เกิดในสกุลสูงนั้นตรงกันข้าม เขาเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ ต่อสมณะพราหมณ์ ต่อผู้ประพฤติดีเมื่อ ตายไปก็ไปเกิดในที่ดี มีสวรรค์ เป็นต้น เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ก็เป็นคนที่เกิดในสกุลสูง เช่น สกุลกษัตริย์ สกุลเศรษฐี หรือสกุลเจ้านาย”

คำถามคู่ที่ 7 ซึ่งเป็นคำถามคู่สุดท้ายสุภมานพถามว่า “ทำไมคนบางคนจึงเกิดมาโง่ คนบางคนเกิดมาฉลาด”พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสตอบว่า

เพราะเมื่อชาติปางก่อนนั้น เป็นคนไม่เข้าไปไต่ถามหาความรู้ต่อสมณพราหมณ์ต่อผู้ประพฤติดี
ผู้รู้คุณธรรมหรือมีความประพฤติชอบดูถูกดูแคลนผู้ประพฤติธรรมรวมถึงคนอื่น ๆชอบดื่มสุราให้ขาดสติอยู่เป็นประจำ
เมื่อเกิดมาจึงเป็นคนโง่เขลาปัญญาทึบ หรือแม้แต่ พิการทางปัญญา

ส่วนคนที่เกิดมามีปัญญาฉลาด เพราะเข้าไปไต่ถามหาความรู้ต่อสมณพราหมณ์ ผู้ประพฤติดี
ถามถึงบาปบุญคุณโทษและไม่ยอมยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขใด ๆอันก่อให้เกิดโทษเป็นต้น เพราะฉะนั้น เขาจึงเกิดมามีปัญญา

นี่คือปัญหา 14 ข้อ 7 คู่ที่พระพุทธเจ้าตรัสตอบสุภมาณพ เมื่อสุภมาณพได้ฟังแล้วก็เข้าใจในเรื่องแห่งกรรมและกฎแห่งกรรม เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาที่ไม่เหมือนศาสนาอื่นใด จึงได้ประกาศตัวนับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคุณผู้อ่านคงจะเริ่มพอจะเข้าใจแล้ว ยิ่งจากการแสดงธรรมของพระพุทธเจ้าที่ยกมาแสดงนี้เชื่อว่าทำให้ท่านผู้อ่านได้พอที่รู้ถึงอดีตชาติเบื้องต้นของตนเองแล้ว

เพราะเมื่อดูจากพฤติกรรม, ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือการกระทำเหล่านี้เมื่อลองเปรียบเทียบดูกับลักษณะนิสัยและความเป็นอยู่สถานภาพของตนเองแล้วในปัจจุบัน เราอาจพากันตั้งข้อสันนิษฐานได้ว่า
ชาติก่อนเราจะเป็นอะไรหรือทำกรรมอันใดไว้หนอ

แต่ไม่ว่าอดีตของเราจะเคยเกิดเป็นอะไรก็ตาม เราไม่สามรถกลับไปแก้ไขในกรรมที่ทำมาได้

ขอให้รู้เพื่อเป็นบทเรียนสำคัญในชีวิตที่เหลืออยู่ในชาตินี้ และไม่ต้องไปกลัวเพราะมีทางแก้ไขให้ชีวิตนั้นดีขึ้นด้วยการสร้างกรรมดี สร้างบุญกุศลในชาตินี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
อย่าไปสร้างกรรมไม่ดีอีกเพราะเรานั้นรู้ทางแล้วว่า ถ้าไปทำกรรมชั่วแบบนั้นเราต้องพบผลร้ายอย่างไรอีก

อย่าประมาทในบุญ เพราะบุญนั้นเป็นที่พึ่งได้จริง ขอให้สร้างบุญกันให้เยอะๆ เพื่อให้อานิสงส์ผลบุญนั้น
นำเราไปเกิดในภพภูมิที่สูงขึ้น อย่างน้อยก็ขอเป็นคนเต็มคน ไม่พิกลพิการ ไม่เกิดมาลำบากอีกครั้งในชาติหน้า

และในชาตินี้แม้ยังอาจจะต้องพบกับความลำบาก ความยากจนหรืออุปสรรคใดๆ ในชีวิต ก็ไม่ต้องไปท้อใจไปนั่งเสียใจอะไร กรรมที่เราทำมาเราก็ต้องยอมรับ แต่ไม่ใช่ให้ยอมจำนน ยอมแพ้กรรมเก่าจนไม่คิดจะทำอะไรต้องสู้ สร้างกำลังใจใหม่ กรรมใหม่ฝ่ายดีงาม เพื่อเปลี่ยนชีวิตของเราให้ดีขึ้น

มีคนมากมายที่ยอมรับในกรรมเก่าฝ่ายไม่ดีที่ทำมา แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้กรรมเก่า เช่น คนพิการคนหนึ่ง
เดินไม่ได้ไปไหนมาไหนต้องคลานไป เอามือแทนเท้า เขารู้ดีว่าในชาติหนึ่งชาติใดในอดีตชาติ
เขาต้องเคยทำร้าย ทำลายสัตว์หรือชีวิตผู้อื่น ต้องเคยเบียดเบียนคนอื่น ชาตินี้จึงเกิดมาทั้งพิการทั้งจน

แต่ในชาตินี้ เขาไม่ยอมทำกรรมแบบนั้นอีกเพราะรู้ถึงพิษสงและผลของกรรมแล้ว ชาตินี้จึงพยายามช่วยเหลือตัวเองไม่เบียดเบียนใครมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ประกอบอาชีพสุจริต ทำบุญไม่เคยหยุดและทำบุญ ด้วยปัญญา คือ ทำบุญแบบตนเองไม่เดือดร้อนและไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน

รู้จักหลักการทำบุญแบบได้บุญมากทั้งวัตถุทานนั้นบริสุทธิ์ ผู้ให้คือตัวเองบริสุทธิ์ทั้งก่อนให้
กำลังให้และหลังการให้มีจิตใจที่ผ่องใส และผู้รับนั้นบริสุทธิ์
สร้างบุญบารมีตามที่พระพุทธองค์สอนเอาไว้ในหลักบุญกิริยาวัตถุ 10 อย่างมั่นคง

แม้กรรมเก่าจะส่งผลให้เขาพิการและจน แต่กรรมใหม่ที่สร้างขึ้นมาในชาตินี้ ก็มาช่วยให้เขาร่ำรวยในเวลาต่อมาและเชื่อได้ว่าในภพชาติหน้าเขาก็จะไปเกิดในสภาพที่ดีกว่านี้แน่นอน

และอยากบอกกับทุกคนว่า ต้องภูมิใจ ดีใจที่ชาตินี้โชคดีได้เกิดมาเป็น “คน” อีก เพราะในอดีตชาติของเราต้องเคยบำเพ็ญคุณงามความดีมาพอสมควรไม่น้อย เมื่อตอนเราจะตายในชาตินั้น จิตเราติดอยู่ในบุญกุศลที่ทำมาเราจึงได้มีโอกาสเป็นคน เป็นสัตว์ที่อยู่ในภพภูมิที่สูงกว่าสัตว์อื่น ๆ อีกมากมาย

เมื่อพูดถึงจิตวิญญาณที่ท่องเที่ยวในวัฏสงสารไม่ว่าจะเป็นภพภูมิใด เคยเป็นอะไรมาก่อนไม่ว่า งู ไส้เดือน ลิง มนุษย์ เปรต ยักษ์ สัตว์นรก เทวดา หรือพรหมใดก็ตามถ้าก่อนตายจิตนั้นเป็นทางบุญกุศล ก็มีสิทธิ์ที่จะไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี

และกล่าวได้ว่า ในภพมนุษย์นี้ถือเป็นภพภูมิที่ดีและประเสริฐที่สุด ซึ่งแม้แต่พวกเทวดา นางฟ้ายังอยากจุติมาเกิดเลย

คำว่า “มนุษย์” ถ้าว่ากันตามศัพท์แล้ว แปลว่า สัตว์ที่มีจิตใจสูง คือสูงกว่าสัตว์เดรัจฉาน เปรต ยักษ์ สัตว์นรกใด ๆ เพราะมนุษย์ที่แท้จริงจะรู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์และไร้ประโยชน์ มีความละอายและเกรงกลัวในการกระทำบาปกรรมและด้วยวิสัยแล้วจะประพฤติตนให้อยู่ในกรอบของกฎระเบียบของความดีต่างจากสัตว์อื่น ๆ

ที่สำคัญนั้น การได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆเลยทีเดียว !!

1 ความคิดเห็น: