วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ใช้พลังบุญแก้ไขความชั่วร้ายได้ โดยไม่มีผลร้ายตามมา



“วันนี้คุณได้เปิดบุญ-เบิกบุญ-โอนบุญ ให้กับญาติในโลกทิพย์และนายเวรของคุณ แล้วหรือยังคะ”  โมทนาบุญค่ะ 

สองวันมานี้มีโอกาสได้ฟังซีดีชุด “คืนแว่นแตก” ชุด “สอนอธิการบดี” และ ชุด “สอนคนป่วย”   อยากเรียนให้ทราบว่า ทั้ง 3 ชุดนี้
หลวงปู่ท่านได้เทศน์สอนอย่างครอบคลุมมาก ๆ ค่ะ เรียกได้ว่ารวมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยไว้มากมายเหลือเกิน เช่น เรื่องสุขภาพ เรื่องความรัก เรื่องครอบครัว เรื่องการปฏิบัติธรรม เรื่องคาถาอาคม เรื่องเทวดา ฯลฯ

ดิฉันเองฟังไปก็อุทิศบุญไปค่ะ เพราะหลวงปู่ท่านบอกว่า ท่านได้อธิษฐานแล้วว่า “เสียงของท่านนั้น ขอให้ถึงแก่เหล่าสิ่งลี้ลับทั้งมวล”  ดัง นั้นการเปิดฟัง CDคำสอนของท่าน ก็เท่ากับเราเป็นตัวแทนให้กับเหล่าสิ่งลี้ลับได้รับฟังธรรมไปด้วยนั่นเอง (ถือเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่มากนะคะ)

ดิฉันใคร่ขอนำเอาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเท่าที่จะพอนำมาสรุปได้ จาก CD ทั้ง 3 ชุดข้างต้น
ขออนุญาตนำมาบอกกล่าวเป็นธรรมทานต่อกันสักเล็กน้อยนะคะ เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อกัลยาณมิตรทางธรรมที่สนใจค่ะ (ขออนุญาตพิมพ์เป็นลักษณะสรุปคร่าว ๆ นะคะ)

คนที่ไม่ดี (ไม่ว่าจะเป็นสามีเรา ภรรยาเรา ลูกเรา พี่น้องเรา ฯลฯ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรา) เราสามารถทำให้เค้าเป็นคนดีได้ด้วยการ “ทำบุญ แล้วส่งบุญ (โอนบุญ หรืออาจเบิกบุญก็ได้ค่ะ) ให้กับสิ่งลี้ลับในโลกทิพย์หรือเทวดาผู้เฝ้าอยู่กับคน ๆ นั้น”  ให้เทวดาได้ช่วยดลจิตดลใจให้คน ๆ นั้นเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใหม่ที่ดีขึ้น   (หมายเหตุ :  ต้องส่งบุญบ่อย ๆ ถี่ ๆ สม่ำเสมอด้วยนะคะ) หรืออาจจะบอกเทวดาที่อยู่กับคนผู้นั้น ให้ช่วยดลใจให้คนผู้นั้นให้ความสนใจ ในการโอนบุญ-เบิกบุญ-เปิดบุญ ก็ได้ค่ะ (ถือว่ายิ่งดีใหญ่เลย เพราะให้คน ๆ นั้นได้เป็นผู้ให้บุญด้วยตนเอง)

คาถาบางอย่างที่ปลุกเสกมา ไม่ว่าจะที่สร้อย สายสิญจน์ ฯลฯ  ที่เรามีติดตัวกันอยู่นั้น จะทำให้เหล่าภูติ ผี ปีศาจเข้ารับบุญจากเราไม่ได้ เมื่อเข้ารับบุญไม่ได้ก็จะทำการส่งสัญญาณก่อกวนเรา อาจส่งสัญญาณเข้าผู้อื่น เพื่อส่งมากระทบต่อตัวเราก็ได้ ดังนั้นผู้ที่มีอยู่จะต้องทำการ “คลายคาถา” เหล่านั้นซะ ด้วยการอธิษฐานดังนี้  “ขออำนาจคุณพระรัตนตรัย จงบันดาลอาคมที่เป่าเสกกันสิ่งชั่วร้ายที่จะมากร้ำกราย คาถาเหล่านั้น อาคมเหล่านั้น จงมลาย ด้วยอำนาจพระรัตนตรัย ภูติ-ผี-ปีศาจ ทั้งหลาย จงได้รับอิสระเถิด  ด้วยอำนาจพระรัตนตรัย ภูติ-ผี-ปีศาจ ทั้งหลาย จงได้รับอิสระเถิด ด้วยอำนาจพระรัตนตรัย ภูติ-ผี-ปีศาจ ทั้งหลาย จงได้รับอิสระเถิด”

สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องรักอยู่บ่อย ๆ ขอให้รับรู้ไว้เถิดว่าท่านเคยสร้างกรรมด้านนี้มาอย่างแน่นอน
และมีนายเวรที่เกี่ยวกับเรื่องรักนี้ตามท่านอยู่ตลอดเวลา  ดังนั้นเวลาท่านมีความรัก นายเวรพวกนี้มันจะก่อกวนให้ท่านต้องเลิกรากัน ทะเลาะกันกับคนรัก เพราะมันหวงท่าน การก่อกวนของพวกนี้ หลวงปู่ให้แก้ด้วยการพูดว่า “ใครที่เคยรักข้าอยู่ก็ดี ใครที่กำลังรักข้าอยู่ก็ดี เตรียมตัวนะ เตรียมตัวรับข้า ข้าจะไปกับพวกเจ้า” จากนั้นก็ทำบุญแล้วพูดว่า  “บุญนี้จงแปลงเป็นตัวข้าพเจ้าให้กับแฟนเก่าข้าพเจ้า” (แฟนเก่าในที่นี้คือแฟนเก่าในอดีตชาติที่ส่งสัญญาณให้เรา ต้องมีทุกข์เกี่ยวกับเรื่องความรัก) จากนั้นให้พูดต่ออีกว่า “สิ่งใดที่ข้าเคยรัก สิ่งนั้นจงไปตามส่วนของตัวเองซะ ไปใครไปมัน”   จากนั้นให้ทำการส่งบุญให้กับเทวดาผู้เฝ้าอยู่ที่ตัวคนรักของเรา ให้เค้าได้ดลบันดาลให้คนรักของเราเป็นคนดี เข้าใจเรา

สำหรับผู้ที่เจ็บป่วย   เช่น  ณ เวลานี้ปวดที่บริเวณหัวเข่า ก็ให้เอามือเคาะไปเบา ๆ ที่หัวเข่า
แล้วพูดว่า “อ้าว….ใครที่อยู่ในนั้น ฟังนะ เดี๋ยวข้าจะทำบุญนะ ไปรอรับบุญนะ”  จากนั้นก็ให้ทำบุญ
แล้วโอนบุญให้กับสิ่งลี้ลับที่เล่นงานที่เข่าเราอยู่ โดยกล่าวว่า “บุญนี้ถึงแก่ผู้ที่กำลังเล่นงานที่หัวเข่าของข้าอยู่ในขณะนี้ รับบุญแล้วจงไปซะ จงไปซะ จงไปซะ”  การรักษาโรคนั้นทำได้ทั้ง “ทำทานแล้วอุทิศบุญ”  “รักษาศิลแล้วอุทิศบุญ”  “ทำภาวนาแล้วอุทิศบุญ”  ถือว่าได้หมด

สำหรับผู้ที่โดนก่อกวน (ถูกส่งสัญญาณเข้าทางกายบ้าง เข้าทางใจบ้างอยู่ตลอด) นั่นหมายความว่าพวกเขาเห็นแล้ว ว่าเราน่ะมีบุญมากโขอยู่ และรู้ด้วยว่าเราสามารถให้บุญเค้าได้ (คือเค้ารู้ว่าเรารู้วิธีโอนบุญ-เบิกบุญ) แต่ว่าเราไม่ยอมให้บุญพวกเขาสักที พวกเขาจึงเข้าก่อวน หลวงปู่ให้เรากล่าวสอนพวกเขาดังนี้“บุญข้ามีมาก ดังนั้นใครอยากได้บุญจากข้า จงมาอธิษฐานเป็นญาติข้าซะ ด้วยเพราะบุญข้ามีไว้ให้กับญาติในโลกทิพย์ของข้าเท่านั้น ดังนั้นเมื่ออธิษฐานเป็นญาติข้าแล้ว พวกเจ้าอยากได้อะไร ก็จงอธิฐานเอาเลย ข้าอนุญาตให้หมด ขอพวกเจ้าจงกล่าวดังนี้   บุญของท่านผู้นี้จงเป็น ….(อาหาร เสื้อผ้า วิมาร) ให้เราด้วยเถิด”    ประโยคที่ว่า “บุญของท่านผู้นี้จงเป็น….(อาหาร เสื้อผ้า วิมาร) ให้เราเถิด” นั้น หลวงปู่ให้เราเป็นผู้สอนให้สิ่งลี้ลับฝึกพูดค่ะ

หลวงปู่กล่าวไว้ว่า “บุญของมนุษย์นั้น มากมายเหลือเกิน ใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมด ไม่มีวันหมด ด้วยเพราะมันโง่ไม่รู้จักนำมาใช้กัน” 

ท่านยังกล่าวอีกว่า “ไม่มีคำว่าบังเอิญเกิดขึ้น ทุกอย่างมีผู้ส่งสัญญาณเข้ามาทั้งสิ้น” เช่น นั่งอยู่ดี ๆ ฉุกคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ ฉุกคิดว่า “เอ……..จะส่งบุญให้กับใครดีนะ”  “เอ……ทำไมขนลุกนะ”  “เอ….ทำไมเหมือนมีอะไรมาอยู่ข้าง ๆ เรานะ”  “เอ…..ทำไมอยากส่งบุญนะ แต่ไม่รู้จะส่งให้สิ่งใดดี”  เป็นต้น   นั่นคือ มีผู้ส่งสัญญาณเข้ามาทั้งสิ้น ต้องส่งบุญให้กับผู้ที่ส่งสัญญาณเข้ามาทันที เช่น ทำบุญแล้วกล่าวว่า “บุญนี้ถึงแก่ผู้ที่ทำให้ข้าขนลุก” เป็นต้น

สำหรับเรื่องการปฏิบัติธรรมนั้น ท่านได้กล่าวไว้ว่า หากนายเวรยังก่อกวนไม่เลิก หรือญาติในโลกทิพย์ยังไม่ได้รับบุญ เมื่อนั้นการปฏิบัติธรรมจะเป็นไปได้ยาก เป็นไปแบบลำบาก เป็นไปแบบเหนื่อย ดังนั้นจึงต้องฉลาดในการส่งบุญไปด้วย ปฏิบัติธรรมไปด้วย เพราะพวกในโลกทิพย์เค้าจะมีการส่งสัญญาณแบบเลเซอร์ที่เรามองไม่เห็น เข้าสู่จิตสู่ใจเรา เข้าก่อกวนเราอยู่ตลอด

เรื่องการทำภาวนานั้น ท่านกล่าวไว้ว่า จริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องยากเลย จะยากก็ตรงที่ว่า “เราจะบุกไปสู่การภาวนานี้สิ เราจะทำอย่างไร จะบุกให้ตัวเองมีศิล จะบุกให้ตัวเองมีวินัย จะบุกให้ตัวเองมีความตั้งใจจริงที่จะทำภาวนานี้สิถือว่าเป็นเรื่องยาก หากหลุดตรงนี้ไปได้แล้ว การทำภาวนาจะถือว่าเป็นเรื่องง่ายมาก” แต่ถ้าตรงนี้ยังหลุดไม่ได้ การภาวนาจะไปได้ยากมาก เพียรเท่าไหร่ก็ไปไม่ถึง ได้แค่ความสงบ ได้แค่การสะสมบุญบารมีไปต่อยอดเอาชาติหน้าเท่านั้น  ถือว่าเสียเวลา

ท่านยังกล่าวอีกว่า บางครั้งญาติเราในโลกทิพย์ที่เป็นพรหม เห็นลูกหลาน (ตัวเรา) ปฏิบัติธรรมอยู่
อยากจะช่วยให้การปฏิบัติธรรมคืบหน้าขึ้นมาบ้าง พอส่ง“สัญญาณช่วย” เข้ามาปุ๊บ ก็ปรากฎว่าพบ “รูรั่ว” ของเราซะแล้ว ท่านก็ต้องถอนการช่วยเหลือออกไป (รูรั่วในที่นี้ก็คือ ศิลไม่พร้อมบ้าง ความตั้งใจจริงไม่พร้อมบ้าง ฯลฯ ดังที่กล่าวข้างต้นนั่นเอง) ดังนั้นหากมีรั่วรู่ตรงไหน ควรปิดให้หมด ไม่งั้นปฏิบัติภาวนาไป จะเกิดอาการงง ไม่เข้าใจอะไรง่าย ๆ แม้สมาธิจะเกิดง่ายก็ตาม แต่จะไม่ฉลาด พิจารณาอะไรก็ไม่แตกฉาน ต่อเมื่ออุดรอยรั่วได้เมื่อไหร่ จะเกิดความแตกฉาน พิจารณาอะไรก็จะง่ายขึ้นนั่นเอง    (ด้วยเพราะสติปัญญาของคนสมัยนี้เชื่องช้าประกอบกับสิ่งลี้ลับ ที่อยู่เกี่ยวข้องกับคนก็มีมากอีก จึงถูกก่อกวนอยู่ตลอด และทำให้การปฏิบัติไม่คืบหน้า)

ท่านยังกล่าวอีกว่า “การเบิกบุญ” มาจ่ายบ่อย ๆ นั้นเป็นผลดีมากเหลือเกิน จ่ายมาก ๆ บุญจะล้นขึ้นไปเรื่อย ๆ ไปสู่สวรรค์ชั้นสูง ๆ เวลาตายไป เดินไปไหนก็เป็นที่รักของเทวดา ของพรหม เปรียบได้กับเป็นราชาในสวรรค์เลย นี่แหล่ะคือผลของการเบิกจ่ายบุญบ่อย ๆ มาก  ๆ โดยไม่ขี้เหนียวบุญ ยิ่งให้ ยิ่งได้ ยิ่งก่อให้เกิดการสะสม ยิ่งไม่มีหมด   แม้ยังไม่ตายไป ก็จะเป็นที่รักของสิ่งลี้ลับทั้งมวล

วิธีเอาบุญที่เรามีมาจ้างพวกเทพที่เกี่ยวข้องกับเรา (ที่ทำงาน ที่บ้าน ฯลฯ)  คือเอาบุญให้เค้า แล้วเราจะใช้งานเค้า เราก็ต้องส่งบุญให้เค้าบ่อย ๆ แล้วบอกให้เค้าช่วย หลวงปู่ท่านเน้นว่า “ต้องให้บ่อย ๆ 1,500 รอบได้ยิ่งดีต่อการให้บุญเพื่อใช้งาน”    ดังนั้นบางคนที่มักชอบบ่นว่า “ให้บุญแล้วไม่เห็นเทวดาหรือสิ่งลี้ลับช่วยงานเลย”  ดิฉันคิดว่ากลับไปทบทวนการจ่ายบุญก่อนดีกว่ามั้ยคะ ว่าเราให้บุญอย่างจริงจังกับผู้ถูกใช้งานแล้วหรือยัง

พ่อแม่ก็ส่งบุญให้กับเทวดาของลูกได้ ให้กับสิ่งลี้ลับของลูกได้  ลูก ๆ ก็ส่งบุญให้กับเทวดาหรือสิ่งลี้ลับของพ่อแม่ได้ หรือสามีภรรยาส่งให้แก่กันและกันก็ได้ ได้เหมือนกัน เพราะมีความรัก ความห่วงใย ความผูกพันต่อกัน อันนี้ก็สามารถส่งแทนกันได้ แต่ทางที่ดีส่งให้กับเทวดาผู้ที่เฝ้าอยู่กับคนที่เราผูกพัน แล้วบอกให้เทวดาดลจิตให้คน ๆ นั้น ทำการเบิกบุญ-เปิดบุญ-โอนบุญเองจะดีกว่า

ทุกคนต้องเข้าใจก่อนว่า สิ่งลี้ลับที่เกี่ยวข้องกับเรานั้นมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ “กลุ่มญาติในโลกทิพย์”  และ  “กลุ่มนายเวร”  ดังนั้นทั้งสองกลุ่มนี้เราต้องให้บุญอยู่สม่ำเสมอและตลอดเวลา ส่งมาก ๆ ส่งถี่ ๆ ส่งบ่อย ๆ

ยังมีอีกมากที่เป็นคำสอนดี ๆ ที่หลวงปู่ท่านเมตตาชี้แนะ ทุกท่านสามารถดูได้จากซีดีในทุกแผ่นของหลวงปู่และจากข้อความที่ได้นำมาสรุปให้เป็นธรรมทานในครั้งนี้สามารถดูเพิ่มเติมได้จาก ชุด “สอนคณะคนป่วย”  ชุด  “คืนแว่นแตก”  และ ชุด “สอนอธิการบดี”

โมทนาบุญ ขอผลบุญนี้จงถึงแด่ “กลุ่มญาติในโลกทิพย์และกลุ่มนายเวร” ของข้าพเจ้า
และ “กลุ่มญาติในโลกทิพย์และกลุ่มนายเวร”  ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าทุกคน ทุกสิ่งมีชีวิต 
รวมถึงขอถึงแด่ “กลุ่มญาติในโลกทิพย์และกลุ่มนายเวร” ของสุนัขข้างบ้านที่กำลังป่วยอยู่ในขณะนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น