วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เคล็ด:การใช้อำนาจบุญแก้กรรม-ปัญหาชีวิต



ผู้เปิดเผยเคล็ดเรื่องนี้คือ:ท่านพระอาจารย์เกษม อาจิณณสีโล
ท่านเป็นลูกศิษ์ของหลวงปู่หล้า
พระอริยเจ้าแห่งวัดภูจ้อก้อ จ.มุกดาหาร อุปสมบทเมื่อ พ.ศ.2529

ท่านมีประสบการณ์ทางจิตที่โลดโผนพิศดาร แม้เดินจงกรมก็สามารเดินเหยียบอากาศเอาผ้าไปพาดไว้บนกิ่งไม้สูงสิบเมตร ได้ ทั้งสามารถมองเห็นภูติผีปีศาจ เทวดา นาค ครุฑ ยักษ์อย่างชัดเเจ้งแม้กระทั่งลืมตา มีญาณระลึกชาติย้อนหลังได้มากมายหลายชาติ เป็นพระสงฆ์ที่ใช้เวลาท่องเที่ยวไปในนรกสวรรค์ปานเรื่องพระมาลัยโปรดสัตว์ โลกนับไม่ถ้วน ด้วยท่านเป็นพระที่ไม่สนใจในลาภ ยศ ชื่อเสียง ทั้งเทพยดาสูง-ต่ำ ตลอดจนภูติผีปีศาจ ต่างให้ควาเคารพท่านมาก วัดของท่านจึงเป็นศูนย์รวมของเทพยดาและภูติ-ผี-ปีศาจ -อสุรกาย สัมภเวสีที่ตกทุกข์ได้ยากทั่วทุกสารทิศ พากันหลั่งไหลมุ่งไปหาขอความช่วยเหลือจากท่าน แต่ละวันผู้คนมากหน้าหลายตาต่างดั้นด้นข้ามป่าข้ามเขา ผ่านหนทางอันทุรกันดารไปกราบท่าน เพื่อให้ท่านช่วยแก้ไขปัญหาเคราะห์กรรมต่างๆ ซึ่งท่านก็เพียงเเต่แนะนำหลักการใช้บุญแก้กรรมแบบง่ายๆ แต่ทว่า...ได้ผลชงักงันอย่างคาดไม่ถึง อย่างชนิดที่ไม่มีพระรูปไหนกล้าพูดแนะนำได้อย่างนี้ เรามักท่องเป็นคาถาอยู่ร่ำไปว่าเวรกรรมนั้นแก้ไม่ได้

แต่พระอาจารย์ท่าน ยืนยันรับประกันอย่างหนักแน่นให้ฟ้าผ่าห่ากิน...แก้ได้ ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ไม่ต้องทำพิธีสวดอะไรให้ใหญ่โตเสียเวลา เสียเงินทองให้มากมาย แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่ว่า ทุกวันนี้ คนทำบุญทำกันไม่เป็น ดึงบุญที่เคยทำกันมาใช้ก็ทำไม่เป็น เป็นแต่ตะบันก้มหน้าก้มตาชดใช้กรรมอย่างจนตรอกอยู่ท่าเดียว 

หลายท่านเมื่อนำคำสอนที่ท่านแนะนำไปปฏิบัติต่างก็ได้ผลดีเกินคาด แต่ด้วยความที่ท่านไม่อยากเด่นอยากดัง หากใครจะขอนำประวัติของท่านมาลงหนังสือ ท่านจะไม่ยอมพูดด้วย ท่านจะมีเมตตามาก ในการเทศน์การสอนญาติโยมแม้กลางคืนก็ยังต้อนรับผู้มาเยือนจากแดนทิพท์ไม่ หยุดหย่อนพร่ำสอนเผยแพร่เคล็ดนี้ทั้งวันทั้งคืน ท่านมีแผ่นซีดีแจกจ่ายให้นำไปฟังแล้วบอกว่า"ฟังแล้วให้นำไปปฏิบัติ แล้วแจกจ่ายกันฟังต่อ ฟังเข้าใจแล้วไม่จำเป็นต้องถ่อไปหาท่านที่วัด เพราะวันๆท่านก็เหนื่อยพอแล้ว การจะทำบุญจะทำที่ไหนก็ได้ เช่น ทำบุญกับพ่อแม่เป็นพระอรหันต์อยู่ในบ้าน แล้วอุทิศบุญให้เทวดา และเหล่าสรรพสัตว์ในโลกทิพย์ก็ได้ผลเท่ากับถวายทานให้พระอรหันต์ วัดของท่านมีพอกินพอใช้แล้วไม่ขาดแคลนอะไร จึงไม่จำเป็นต้องหลั่งไหลมาทำบุญกับท่านก็ได้"  วิชาเจริญเมตตาแผ่บุญกุศลนี้ พระอาจารย์กล่าวว่าเคยใช้กันมากมาตั้งแต่พุทธกาล แต่เพิ่งสาบสูญไปเมื่อ 300-400 ปี มานี่เอง ถ้าค้นคว้าในพระไตรปิฎกก็พบมากแห่งที่เกี่ยวข้องกับการทำบุญท่านมีเรื่องราว พิศดารมหัศจรรย์ในกรรมฐานอย่างมากมาย การตอบคำถามถึงปัญหาในการปฏิบัติธรรม ท่านจึตอบอย่างห้าวหาญ ทั้งคำถามในด้านโลกียะและโลกุตระ ความหยาบละเอียดของอารมณ์ พระอริยเจ้าแต่ละระดับ ทะลุไปจนถึงพระนิพพานทุกคำถามมีคำตอบจากท่าน สุดแต่ผู้ถามจะถามปัญหาใด ลีลาการตอบคำถามของท่านจะออกแบบชาวบ้านๆ ฟังแล้วเข้าใจง่ายไม่ต้องตีความนำไปสู่การปฏิบัติพัฒนาทางจิตยิ่งๆขึ้นไป หนังสือที่ประมวลสรุปไว้นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเมื่ออ่านแล้วนำไป ประพฤติปฏิบัติ ท่านก็จะประสบความสำเร็จตามปราถนา 

แต่เรื่องนี้มิ ได้มุ่งหวังที่จะไม่ให้ใคร ไม่ต้องตาย!! มิได้มุ่งหวังจะทำให้ใครอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาลกฏของไตรลักษณ์ไหนๆเราก็ต้องตาย แต่เมื่อเรามีทางเลือกที่จะตายไดอย่างสุขสงบ ตายอย่างไม่ต้องมีทุกข์เวทนาและตายได้อย่างมีสติถึงพร้อมแล้วอย่างนี้เราจะ ปฏิเสธได้หรือ อีกอย่างหนึ่ง ข้อมูลสาระนี้ จะไม่เป็นประโยชน์อันใดต่อท่านที่ยังเหนียวแน่นกับมานะสังโยชน์ เเละไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ขาดอิทธิบาท 4 

เช่นนี้แม่ฟ้าดินก็หมดปัญหาที่จะเข้าไปยุ่งอะไรกับท่านเมื่อป้อยยาเข้าปากแต่ไม่ยอมกลืน จะคายทิ้งก็สุดแต่เถิด  ที่มาของการเปิดเผยเคล็ดการแผ่บุญแก้กรรม   ชีวิตของมนุษย์และสัตว์ ทั้งในโลกนี้และในโลกทิพย์ล้วนมีส่วนสัมพันธ์ถึงกันในเรื่องกฏแห่งกรรมอยู่ ตลอดเวลา ในการเวียนว่ายตายเกิดไปๆมาๆ จะหาที่ไม่เคยเป็นญาติไม่เคยเป็นเพื่อน ไม่เคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรต่อกันนั้นไม่มี ชีวิตของทุกผู้ทุกตนจึงมีส่วนสัมพันธ์กันไม่มากก็น้อย ทั้งในส่วนทีทำให้เกิดความเคียดแค้นชิงชังมากชิงชังน้อยทั้งในส่วนที่รักมาก และรักน้อยตามแต่กรณี    การได้ดีตกยาก เจ็บไข้ได้ป่วย ของมนุษย์และสัตว์ส่วนหนึ่งเกิดจากผลกรรมในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ อีกส่วนหนึ่งได้รับเหตุปัจจัยกระทบจากสิ่งรอบข้าง อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำของวิญญาณลี้ลับที่เรามองไม่เห็น เช่นเทวดาช่วยเหลือ เทวดาให้โทษ เจ้ากรรมนายเวรที่เคียดแค้นชิงชังให้โทษ ในคนทุกคน สัตว์ทุกตัวจะมีเทวดารักษาอย่างน้อย 2 องค์ เทวดาประจำตัวนี่แหละที่มีอิทธิพลต่อเราอย่างคาดไม่ถึง บ้างก็ชอบช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จ หรือช่วยปกป้องคุ้มครองให้เรารอดพ้นจากภัยอันตรายที่น่าหวาดเสียวมาได้อย่าง น่าอัศจรรย์ ซึ่งบางทีเราก็ยกให้เป็นอานุภาพของวัตถุมงคลที่แขวนคอเสียก็มี เด็กน้อยบางคนแม้ไม่มีวัตถุมงคลแขวนคอเลย เวลาตกบ้านตกเรือนด้วยความซุกซน แต่ไม่ได้รับอันตรายเพราะเหมือนมีใครมาอุ้มไว้ก่อนตกถึงพื้นก็มี บุคคลบางคนไม่มีวัตถุมงคลติดตัวเลย แต่สามารถหลุดพ้นจากอุบัติเหตุและการดักทำร้ายของศรัตรูมาได้อย่าง ปาฏิหาริย์ นั่นคือการปกป้องรักษาจากเทวดาประจำตัวเขาและ/หรือ ญาติในโลกทิพย์ของเขา   

ในเรื่องกฏของกรรม เราชาวพุทธคงไม่มีใครปฏิเสธ เมื่อตนเองกำลังเดือดร้อนกำลังเครียดหรือกำลังทุกข์ทรมานในเรื่องใดๆ ที่จำต้องยอมทนอย่างไม่มีทางเลือก หลายๆท่านมักจะนึกแต่เพียงว่า จะขอรับชะตากรรมนั้น หวังจะชดใช้ให้มันหมดเวรหมดกรรมจบๆกันไป การคิดเช่นนี้ดูจะเข้าท่าตามหลักการยอมรับในกฏของกรรม แต่ออกจะหยาบและดูจะเปิดโอกาสปิดช่องทางของตนอย่างสิ้นเชิง นี่เองท่านพระอาจารย์กล่าวว่า พวกเราไม่รู้ว่ามันยังมีทางออก มีทางเลือกที่แสนจะง่าย ทั้งๆที่เรามีทางเลือกที่จะยอมรับในผลของกรรมด้วยวิธีของตนเองได้ทั้งๆที่ เรามีวิธีที่จะชำระล้างหนี้แค้นหนี้กรรมให้แก่เจ้ากรรมนายเวรเขาโดยที่เราก็ ไม่ได้เบี้ยวหนี้ โดยที่เรายังเคารพในกฏของกรรมโดยที่เราไม่ต้องทุกข์ทรมาน ไม่ต้องกลุ้มไม่ต้องเครียด ขณะเดียวกันเจ้ากรรมนายเวรเขาก็พอใจกับประโยชน์สุขนี้อย่างเต็มที่ ความเคียดแค้นพยาบาทอะไรต่างๆ ที่มีต่อเราก็จางมลายหายไปสิ้น เขาก็เป็นสุขเราก็เป็นสุข แต่นี่...เรากลับปล่อยให้เขาเลือกที่จะเล่นงานเราอยู่ฝ่ายเดียวต่างฝ่ายต่าง ก็เป็นทุกข์ด้วยกันทั้งคู่ เขาก็ทุกข์กรุ่นอยู่กับความพยาบาทอาฆาต เราก็ทุกข์ด้วยทเวทนาเพราะเขาคอยจ้องแต่จะมาเล่นงานอย่างไม่เลิกรา อย่ากระนั้นเลย เรามายอมรับกฏของกรรมแต่โดยดี ในแบบฉบับที่เราเลือกได้ด้วย"บุญ"กันดีกว่า 

คนเราเคยสั่งสมบุญให้ ทานกันมาแล้วทั้งนั้น ทั้งในชาติก่อนและในชาตินี้ ถ้าจะนึกถึงบุญมันก็เยอะจนจำไม่หวาดไม่ไหว แต่ด้วยความไม่รู้จักวิธีชำระหนี้แค้นให้แก่เจ้ากรรมนายเวรดั่งว่า ทำบุญไปก็คิดแต่จะรอให้ตายซะก่นแล้วจึงค่อยไปรับบุญในสรวงสวรรค์ แล้วก็พากันเอาแต่บ่นว่า

บุญอะไรก็ทำมาหมดแล้ว ชีวิตก็ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงดีขึ้นมาสักที ก็จะได้ดีอย่างไร ในเมื่อสักแต่ว่าทำบุญแต่ทำไม่เป็น ถูกสอนสั่งกันมาแบบผิดๆ มัวแต่ไปรออุทิศให้ตอนกรวดน้ำเจ้ากรรมนายเวรเขาก็เลยไม่ได้รับ บ้างก็ไม่เคยเผื่อแผ่ให้บุญแก่เทวดาที่รักษาตัวเอง ไม่เคยให้เจ้ากรรมนายเวรที่ตามจองเวรกันอยู่ไม่เคยให้เทวดาและญาติทิพย์ที่ อาศัยอยู่ในเขตบ้านเขตเรือน ไม่เคยให้แก่เทวดาที่ช่วยดูแลรักษากิจการงานห้างร้าน ไม่เคยให้เทวดาที่รักษาเจ้านายของตัวเองแถมบางทีการแผ่อุทิศบุญก็ให้ไม่ เฉพาะเจาะจงเข้าอีก หรือดันไปให้ตอนที่แสงบุญหมดไปแล้ว เทวาเหล่านั้นบางองค์อาจมีบุญน้อย มีฤทธิ์น้อยจึงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้มาก แต่ถ้าเขาได้รับอานิสงส์บุญจากเราถูกวิธีบ่อบๆเขาจะกลายเป็นเทวดาที่มีฤทธิ มีอำนาจ สามารถช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จได้ดั่งใจหมาย      วิธีการทำบุญให้เกิดสัมฤทธิผล     

พระ พุทธเจ้าทรงแสดงที่มาแห่งบุญไว้ 3 ประการย่อๆคือ1.บุญเกิดจากการให้ทาน2.บุญเกิดจากการรักษาศีล3.บุญเกิดจากการ ภาวนาอบรมจิตใจ      การสร้างความดีทุกประการนั้นล้วนเป็นแหล่งของการเกิดผลบุญกุศลทั้งสิ้น แล้วก่อให่เกิดอานิสงส์ที่จะสร้างความสำเร็จในชีวิตได้ทุกเรื่อง     

บุญเกิดจากการให้ทาน เมื่อ ถวายของแด่พระภิกษุสงฆ์ หรือให้สิ่งของแก่ใคร ไม่ว่าจะให้ของแก่พ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร แม้เอาข้าวให้หมากิน เอาเศษอาหารโปรยให้มดกิน ขณะนั้นจะเกิด กระแสบุญ เป็นแสงเรืองรองแผ่ออกจากตัวผู้ให้ทันที และเพียงไม่กี่วินาทีแสงนี้จะพุ่งหายขึ้นไปเบื้องบนแล้วสะสมเป็นกองบุญของ ผู้ให้อยู่บนเทวโลก/ดังนั้นจึง***ขอเน้นย้ำว่าหลักสำคัญที่สุดว่า ขณะของหลุดจากมือใส่บาตร / ถวายของให้พระสงฆ์ หรือให้ของแก่ใครก็ตาม เราต้องอธิฐานจิตรแผ่บุญในทันที อย่ามัวไปรอแผ่บุญตอนสวด"ยถาสัพพี..

" เนื่องจากการแผ่ให้ตอนพระยถาฯ อย่างที่เคยปฏิบัติกันมานั้นผิดเพราะกระแสบุญได้เลือนจางหายไปอยู่ในสวรรค์ หมดแล้ว ก็คิดแผ่บุญในทันทีทันใดว่า"บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาตัวข้า หรือ บุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรของข้า หรือบุญนี้จงเป็นของเทวดา ภูติ-ผี-ปีศาจ-เปรต-ครุฑ-นาค-ยักษ์ ที่สถิตย์อยู่ในสถานที่เรือกสวนไร่นา หรือเคหะสถานบ้านเรือนของข้า หรือบุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบุตรของข้า จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบิดา มารดาของข้า เป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการแก้ไขปัญหากลักกลุ้มในเรื่องไหน"          

บุญอันเกิดจากการภาวนา ให้ อธิษฐานก่อนเช่นว่า ขอบุญที่เกิดจากการภาวนาต่อไปนี้ถึงแก่เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ข้าพเจ้าเจ็บ ป่วย(เป็นอะไร)หรือเราจะให้ใครก็ให้อธิษฐานเอาเองแล้วก็เริ่มภาวนาได้เลย หลังจากเลิกภาวนาก็ให้อุทิศบุญนี้ไปอีกครั้งหนึ่ง บุญที่เกิดจากการภาวนานี้จะมีพลานุภาพแรงยิ่งกว่าบุญจากการให้ทานมาก ฉะนั้นพวกภูติผีชั้นต่ำมักรับไม่ค่อยได้ เราต้องเปิดช่องไว้ก่อนภาวนา เขาจะได้เตรียมรับตามกำลังความสามารถของตนเองเพราะถ้าหากจะให้ตอนที่ภาวนา เสร็จแล้วจึงให้ก็เปรียบเหมือนเราปล่อยน้ำพุ่งจากท่อดับเพลิงแต่เขาเอาภาชนะ ที่ไม่เหมาะสมมารับไม่ได้เนื่องจากกำลังจิตรของเขาไม่แข็งแรงพอหากเรา อธิษฐานเปิดให้เขาเตรียมตัวไว้ก่อนก็เหมือนกับเปิดก๊อกน้ำออกค่อยๆ ใครมีภาชนะน้อยก็เอามาตวงรับตามกำลังที่เขามี แต่สำหรับเทวดาบุญหนักศักดิ์ใหญ่ท่านสามารถรับบุญใหญ่ภายหลังภาวนาได้อยู่ แล้ว เปรียบเหมือนท่านมีโอ่งมีถังขนาดใหญ่สำหรับรองรับน้ำที่พุ่งจากท่อดับเพลิง นั่นเอง         

บุญอันเกิดจากการรักษาศีล การทำบุญด้วย การรักษาศีล ก็ย่อมเกิดบุญกุศลขึ้นเช่นกัน ทุกครั้งที่ระลึกถึงศีลตัวเองรักษาดีแล้วไม่ด่างพร้อยก็สามารถอธิษฐานส่งบุญ ได้ว่า"บุญที่ข้าพเจ้าได้รักษาศีลนี้จงถึงถึงแก่.."หรือในการทำความดี ทุกอย่าง เช่นแม้แต่การพูดให้เขาได้สติคิดดี การได้ช่วยเหลือคน การได้ทำประโยชน์ส่วนรวม ย่อมก่อให้เกิดความปิติดีใจ นั่นแหละคือบุญ ให้รีบส่งบุญถึงผู้ที่เราต้องการให้บุญทันที

การเบิกบุญ
          
การ เบิกบุญเก่าที่เคยสั่งสมแต่อดีตมาใช้บุญที่เราทำไว้แล้วมีมากมายที่สะสมอยู่ ในสรวงสวรรค์  ทั้งที่ได้ทำไว้แต่ปางก่อนหรือได้ทำไว้ในชาตินี้ เราสามารถเบิกบุญ  นั้นเขาแจกจ่ายอุทิศให้แก่ผู้อยู่ในโลกวิญญาณได้เหมือนเรามีเงินเก็บในธนาคารเราก็ช้บัตรเอทีเอ็มกดเบิกเงินออกมาใช้จ่าย แต่ การเบิกบุญนั้น ที่สำคัญลืมไม่ได้เลยคือต้องอาศัยอำนาจพระรัตนตรัยขึ้นนำก่อนเสมอ คือให้ตั้งจิตรคิดอธิษฐานว่า"ด้วยอำนาจของพระพุทธเจ้า ด้วยอำนาจของพระธรรม ด้วยอำนาจของพระสงฆ์ จงบันดาลให้บุญของข้าพเจ้าที่ทำไว้ในอดีตจนถึงปัจจุบันถึงแก่..."จะ ให้ใครก็คิดนึกให้เอาเอง การเบิกบุญแจกจ่ายนี้สามารถให้ได้ทุกที่ทุกเวลาเมื่อนึกขึ้นได้ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม อุจจาระ ปัสสาวะอยู่ก็ตาม

นานาปัญหาเคราะห์กรรมแก้ได้ด้วยบุญ
            ท่าน ที่ทุกทรมานด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่เกิดกับตัวเรานั้นสืบเนื่องจากการกระทำของเจ้ากรรมนายเวรผู้เคียดแค้นชิง ชังพระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ฆ่าสัตว์ย่อมอายุสั้น ผู้เบียดเบียนสัตว์ย่อมมีสุขภาพไม่ดี เชื้อโรคร้ายแรงต่างๆ ที่มีอยู่ในร่างกาย ก็ล้วนแต่เป็นเจ้ากรรมนายเวรทั้งนั้น โรคที่เรื้อรังร้ายแรงการรักษาด้วยวิธีการกินยา ฉีดยาเข้าไปฆ่าทำลายเขาหรือการใช้พลังจิต อำนาจสมาธิอย่างใดๆ เข้าไปขับไล่นอกจากจะเป็นกสรรักษาที่ขาดเมตตาปราณีอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แล้ว ขณะเดียวกันก็ยิ่งทำให้เหล่าเจ้ากรรมนายเวร ยิ่งทวีความพยาบาทเคียดแค้นผู้ป่วยมากขึ้นไปอีก หลายโรคจึงหมดหนทางเยียวยา ผู้ป่วยต้องจมอยู่กับทุกข์เวทนาไปต่างๆนานา จะตายก็ไม่ให้ตาย จะหายก็ไม่ให้หาย ทรัพย์สินที่มีก็พินาจไปกับค่ารักษาทุกข์ทั้งคนป่วย ทุกข์ทั้งคนที่เป็นญาติๆ เป็นบริวารในที่สุดหลายรายต้องจบชีวิตลงไปอย่างน่าเสียดายทั้งๆที่ มีทางเลือก ทั้งๆ ที่มีโอกาส ทั้งๆที่มีบุญอยู่ก็มากมายแต่ไม่รู้จักเบิกมาล้างแค้นให้แก่เขาดังนั้นการ เยียวยารักษาที่ถูกต้อง ต้องโอนบุญเบิกบุญไปให้ เฉพาะเจาะจงแก่เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เกิดอาการเจ็บ ป่วยนั้นๆ(อย่าไปบอกว่าให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย...เหมือนอย่างที่เคยทำ) และให้แก่เทวดาผู้รักษาตัวเราไปในขณะเดียวกัน การอธิษฐานเบิกบุญเก่าอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่รบกวนควรทำวันละหลายๆ ครั้งจนเขาพอใจ อาการป่วยของเราจะหายเร็วขึ้นวิธีการให้บุญแก่เจ้ากรรมนายาวรควรทำดังนี้ เป็นตัวอย่างเช่น ผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดก็ส่งโอนบุญอย่างเฉพาะเจาะจงว่า"บุญนี้ให้แก่ เจ้ากรรมนายเวรที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยมะเร็งตรงปอดฯลฯ"สุดแต่มะเร็งหรือ เป็นอะไร"พวกเชื้อโรคมะเร็งเมื่อได้รับบุญแล้วขอให้เจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้น มีภพภูมิที่สูงขึ้น จงหลุดจากภาวะชีวิตชั้นต่ำเดี๋ยวนี้ เมื่อเราหายแล้วเราจะทำบุญให้แก่พวกเจ้า ส่งชีวิตของพวกเจ้าให้สูงขึ้นเรื่อยๆ พวกเจ้าจงเลิกจองเวรจองกรรมในเราเสียที ตั้งแต่นี้เราจะตั้งตนอยู่ในศีลในธรรม เลิกเบียดเบียนเข่นฆ่าชีวิตสัตว์อื่น ขอส่งบุญที่เกิดจากการรักษาศีลแก่เจ้าด้วย"               ท่านกลัดกลุ้มเรื่องบุตรหลานบริเวร ชอบสร้างแต่ความเดือดร้อนสั่งสอนไม่ฟัง แบบนี้ต้องให้เทวดาผู้รักษาตัวเขาเป็นผู้ขนาบตักเตือนวิธีที่เทวดาตักเตือน นั้นท่านจะสั่งการลดไปที่ความรู้สึกนึกคิดจิตใจของเขา ถ้าเทวดาประจำตัวของเขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ เมื่อรับบุญบ่อยๆ เทวดาท่านจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในทิพย์ของตนเอง มีชีวิตที่สุขสบายขึ้นมีฤทธิ์อำนาจขึ้นเขาจะทราบได้เองว่าสิ่งที่เขาได้รับ นั้นมาจากไหนเมื่อเราอุทิศบุญให้ ท่านก็อธิษฐานด้วนว่า

"เมื่อเทวดาได้รับบุญแล้วขอให้มีความสุข ๆ มีกินมีใช้ มีเสื้อผ้าที่อยู่อาศัย และขอให้ช่วยอบรมตักเตือนให้ลูกของข้าเป็นคนดีด้วย"ดังนี้ไม่นานหรอก จะเกิดเรื่องพิศดารขึ้นกับบุตรเกเรคนนั้นจนต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นคนดีแน่นอน
            
 คนที่กลุ้มเรื่องแฟน เรื่องครอบครัว สามี/ภรรยา เรื่องเพื่อน/คนรอบข้าง คู่ครองของตนเองเป็นคนที่น่าเอือมระอาเหลือเกิน อยากให้คู่ครองเป็นคนดี รักเรา ละเลิกจากความประพฤติชั่วเหลวไหล ก็ให้ทำยุทธวิธีแบบเดียวกับที่ให้บุญแก่เทวดาที่รักษาบุตร แล้วท่านจะพบกับการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น แบบไม่น่าเชื่อ
              หากกิจการ ธุรกิจค้าขายของท่านล้มเหลวหรือซบเซา เมื่อท่านทำบุญทุกครั้งควรอุทิศบุญให้เทวดาประจำตัวของท่านและเทวดาที่ดูแล กิจการค้าด้วยพร้อมกันไป แล้วอธิษฐานว่า"เทวดารับบุญของเราแล้วโปรด ช่วยเหลือกิจการค้าธุรกิจของเราให้ประสบความสำเร็จด้วยเถิด ถ้าเราร่ำรวยขึ้นก็จะทำบุญให้ท่านยิ่งๆขึ้นไปอีก" จะใช้คำเรียกตนเอง ว่าข้า ว่าเราก็ได้ทั้งนั้น
              
 ท่านที่เปิดร้านค้าขาย จะเป็นร้านอะไรก็แล้วแต่ เมื่อทำบุญก็ให้อุทิศบุญแก่เทวดาที่รักษาร้านค้านี้ด้วย แล้วบอกว่า"เทวดาเมื่อได้รับบุญแล้วโปรดเรียกลูกค้ามาอุดหนุนให้มากๆด้วย"
                
การอุทิศโอนบุญ ไม่ต้องพูด อย่าไปอุทิศเอาตอนกรวดน้ำ ให้ใช้เพียงแค่..การคิด และต้องรีบคิดให้ทัน!! อย่ามัวรีรอชักช้าเป็นอันขาดเพราะแสงบุญที่เกิดขึ้นจะดำรงค์อยู่ไม่กี่วินาทีแล้วจะหายวับไปอยู่ในสวรรค์  ถ้า เราฝึกบ่อยๆเราจะชำนาญในการคิด เพราะการคิด...กระแสบุญจะแรงกว่าการพูดออกจากปาก เวลาหย่อนของลงไปในบาตรปั๊บให้คิดส่งบุญทันที และต้องคิดให้ชัดเจนอย่าลางเลือนให้ของแก่ใครเมื่อของหลุดจากมือปุ๊บ เราต้องคิดส่งบุญปั๊บทันทีอย่าช้า!!
                
ผู้ที่มีอาชีพ เกี่ยวเนื่องกับการฆ่าสัตว์อื่น เช่นเจ้าของโรงฆ่าสัตว์ ชาวประมงคนขายปลาสดในตลาด เชือดไก่ขาย คนเหล่านี้ต้องสร้างบาปกรรมทุกๆวัน จึงก่อความเคียดแค้นชิงชังให้แก่สัตว์ที่ถูกฆ่าอยู่ทุกวี่ทุกวัน เขาก็พยายามจองล้างจองผลาญ แต่ในขณะที่บุญเก่าของผู้นั้นยังมีอยู่ เจ้ากรรมนายเวรก็ทำอะไรไม่ได้แต่หากว่านายเวรเขาสบโอกาสได้ช่องเมื่อไร วิญญาณสัตว์ที่เคียดแค้นเหล่านั้น(นายเวร)จะใหเคราะห์หามยามซวยแก่เราได้ ทันที ดังนั้นต้องพยายามไถ่ถอนกรรมของตัวด้วยการทำบุญแล้วโอนอุทิศให้วิญญาณสัตว์ ที่ตนเองฆ่า ทำบ่อยๆ ส่งบ่อยๆ เอาเนื้อสัตว์ที่เราขายนั้นทำเอาถวายพระหรือเลี้ยงผู้อื่น อธิษฐานว่า"บุญนี้ให้สัตว์ทั้งหลายที่เราฆ่า หรือ ผู้อื่นเพราะคำสั่งเราเหล่าสัตว์เหล่าใดได้รับบุญแล้วขอให้มีแต่ความสุขความ เจริญ มีชีวิตวิญญาณที่ดีขึ้นจงหลุดพ้นจากกรรมเวรที่ตนเองเคยสร้างไว้แล้วจงมีภพ ภูมิที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นเทบุตรเทวดาในสรวงสวรรค์ เมื่อไดด้รับบุญแล้วจงอโสกรรมให้เราด้วย อย่าไดจองเวรซึ่งกันและกันเลย เจ้าตายเพราะเรา แต่ก็มีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะเรา ดีกว่าเจ้าตายเองหรือตายเพราะฝีมือผู้อื่น ซึ่งมีชีวิตทุกข์ทรมาน"
                   
ผู้ที่ถูกผีเข้า จงเอาของที่ให้ทานแก่ผู้อื่นผู้ทรงศีลจะพระหรือฆราวาสก็ได้แล้วอุทิศบุญ เจาะจงถึงผีในร่างผู้ป่วยขอให้ได้รับบุญนี้ เมื่อได้บุญแล้วโปรดออกจากร่างผู้ป่วยเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ยอมออกก็ให้บ่อยๆ ให้สิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ให้เงินห้าบาท สิบบาท ให้กาแฟ 1 แก้ว โอวันติน 1 แก้ว แล้วอุทิศได้ทั้งนั้น
                     
ผู้ที่ถูกคุณไสย ให้อธิษฐานดังนี้ "ด้วยอำนาจพระพุทธเจ้า ด้วยอำนาจพระธรรม  ด้วยอำนาจพระสงฆ์ โปรดจงลบล้างอำนาจชั่วช้าต่ำทรามที่มีผู้ส่งเข้าผู้ป่วยให้สูญสลายไป ณ บัดนี้ จากนั้นให้ทานแก่ผู้ทรงศีลขณะนั้นอธิษฐานว่า"ขอบุญนี้จงถึงวิญญาณ ชั่วร้ายที่มีคนส่งเข้าร่างผู้ป่วยเมื่อเจ้าได้รับบุญแล้วจงมีควาสุขความ เจริญจงมีฤทธิ์มีอำนาจหลุดพ้นจากการบังคับกดขี่ของผู้ทรงเวทวิทยาคมที่ส่ง เจ้ามา จงออกจากร่างคนป่วยเดี๋ยวนี้"ถ้าไม่หายให้ทำบ่อยๆ เดี๋ยวอาการก็ดีขึ้นเองโดยไม่ต้องไปทำพิธีอะไรอื่น ไม่ต้องไปเสาะหาจ้างหมอผีผู้มีวิทยาคมที่ไหนมาแก้ เพราะอำนาจของพระรัตนตรัยนั้นยิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างในสากลจักรวาล อยู่แล้ว
                     
 หลีกเลี่ยงการสวดมนต์เพื่อขับไล่วิญญาณบทสวดมนต์แต่ละบทมีอำนาจขับไล่และ เบียดเบียนพวกวิญญาณชั้นต่ำในโลกทิพย์ให้ได้รับความเดือดร้อน พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติห้ามมิให้ภิกษุทำน้ำมนต์ขับไล่ผีไว้ในพระวินัยบัญญัติ ดังนั้น การสวดมนต์เพื่อเจริญพุทธานุสติ ธัมมานุสติ และสังฆานุสติ โปรดอย่าตั้งใจไปกำหราบคุกคามภูติผีปีศาจชั้นต่ำทั้งหลายให้ได้รับความเดือด ร้อน เมื่อสวดให้ตั้งจิตระลึกเสียก่อนว่า"ภูติผีปีศาจชั้นต่ำทั้ง หลาย บัดนี้เราจะกล่าวบทสวดมนต์ ใครชอบฟังเอาบุญกุศลก็ให้ตั้งใจฟังหากใครฟังแล้วทรมานก็ให้หลีกหนีไปที่อื่น จนกว่าเราจะสวดมนต์เสร็จแล้วจึงกลับมาเถิดเราไม่ได้สวดเพื่อขับไล่ใคร แต่สวดเพื่อเจริญในพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณเท่าน้น"
                      
 โปรดอย่านิมนต์พระมาทำพิธีขับไล่ภูติผีในที่อยู่อาศัย ควรงดเด็ดขาดเพราะวิญญาณนั้นเขาอยู่อาศัยที่นั้นมาก่อนเราอย่างสงบสุข บางตนก็เป็นญาติที่เราเคารพรักมาก่อน ตายไปแล้วมีบุญน้อยก็เป็นภูติผีอาศัยอยู่ในบ้านนั้นภูติผีบางตนมีความทุกข์ เดือดร้อน พยายามส่งกระแสความเดือดร้อนให้เรารู้สึกเพื่อจะได้ทำบุญส่งให้เขา แต่คนไม่เข้าใจคิดว่าเขาเบียดเบียนหลอกหลอน จึงนิมนต์พระมาสวดขับไล่ เมื่อเราไปทำพิธีขับไล่เขาก็ยิ่งเดือดร้อนหนักเข้าไปอีกแล้วพวกวิญญาณเหล่า นั้นจะรวมหัวกันกลั่นแกล้งผู้คนในบ้านให้เดือดร้อนวุ่นวายกันมากขึ้น มีแต่เรื่องทะเลาะขัดแย้งกันเนืองๆ สังเกตดู บ้านไหนที่มีคนถือวิชาอาคมสวดมนต์ไล่ผีบ่อยๆ คนในบ้านจะหาความสุข ความสงบไม่ได้เลย พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา ทะเลาะ ขัดแย้งด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง จนฆ่ากันตายมานักต่อนัก ฉะนั้นต่อไปเมื่อมีเหตเดือดร้อนภายในบ้านหรือภายในองค์กรควรทำบุญอุทิศให้ พวกเขาเมื่อพวกเขาอยู่สุขสบายก็เลิกรบกวนเรา แล้วจะกลับเป็นองครักษ์ชั้นดีที่คอยปกปักรักษาเราต่อไป
                        
 หลีกเลี่ยงการติดผ้ายันต์กันภูติผีในบ้านหรือการพกเครื่องรางของขลังที่ เบียดเบียนวิญญาณชั้นต่ำ เพราะสิ่งเหล่านี้จะกระทบกระเทือนถึงวิญญาณชั้นต่ำให้ได้รับความเดือดร้อน และเคียดแค้น อันจะส่งผลให้เขาหันกลับมาเป็นเจ้ากรรมนายเวรจองล้างจองผลาญเราไม่มีที่สิ้น สุดโดยที่เราไม่รู้ตัว บ้านเรือนเคหะสถานเป็นของที่มีอยู่ในโลกนี้ เป็นทั้งที่อยู่ของผู้มีชีวิตในโลก และอีกมิติหนึ่งที่เรามองไม่เห็น ไม่ควรแก่ตัวว่าเป็นสมบัติของเราเพียงผู้เดียวควรรวมกันอยู่อย่างสงบสุข พวกวิญญาณต้องอาศัยบุญกุศล๔งอยู่ได้ ถ้าได้รับบุญจากมนุษย์ผู้อาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินเดียวกันเขาย่อมพึงพอใจ และจะรักษามนุษย์ให้มีความสุขความเจริญ แม้พระพุทธเจ้าก็ตรัสสอนไว้ในเทวตาทิสสทักขิณานุโมทนา ว่า
         
          ยัสมิง ปะทเส กัปเปติ         วาสัง ปัณฑิตะชาคิโย
          สีลวันเตตถะ โภเชตวา       สัญญะเต พรหมะจาริโน
          ยา ตัตถะ เทวตา อาสุง       ตาสัง ทักขิณะมาทิเส
          ตา ปูชิตา ปูชะยันติ           มานิตา มานะยันติ นัง
          ตะโต นัง อนุกัมปันติ          มาตา ปุตตัง วะ โอระสัง
          เทวะตานุกัมปิโต โปโส       สะทา ภัทรานิ ปัสสะติ
                
 แปลความว่า ผู้ฉลาดชาติบัณฑิต เมื่ออาศัยอยู่ ณ สถานที่เเห่งใด ควรเชื้อเชิญผู้ทรงศีลเข้าไปดูในสถานที่แห่งนั้น แล้วอุทิศบุญให้แก่เทวดาผู้อาศัยอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้น เทวดาเมื่อได้รับการบูชาแล้วย่อมบูชาตอบ คือ ทำความอนุเคราะห์ช่วยเหลือผู้อุทิศบุญให้แล้วนั้นเหมือนบิดามารดาผู้รักบุตร ผู้ใดได้รับการช่วยเหลือจากเทวดาแล้วย่อมประสบแต่ความเจิริญรุ่งเรืองเป็น นิจ
                  
การให้ทานแก่บุคคลย่อมมีผลบุญต่างกันให้ในพระ สงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานย่อมเกิดผลมากกว่าให้พระพุทธเจ้าพระองค์เดียว ให้ในพระพุทธเจ้าย่อมมีผลมากกว่าให้ในพระอรหันต์ให้ในพระพุทธเจ้าและพระ อรหันต์ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติย่อมมีผลมีผลมากกว่าในพระพุทธเจ้าและพระ อรหันต์ในสถานภาพปกติ ให้ในพระอรหันต์ย่อมมีผลเหนือกว่าให้ในพระอนาคามี ให้ในพระอนาคามีผลย่อมมีผลมากกว่าให้พระสกิทาคามี ให้ในพระสกิทาคามีย่อมมีผลมากกว่าให้แก่พระโสดาบันย่อมมีผลมากกว่าให้ผู้ทรง ญาณย่อมเหนือกว่าให้ในพระผู้ประพฤติศีลตามปกติ ให้ในผู้มีศีลย่อมมากกว่าให้ผู้ไม่มีศีล ให้ในสัตว์ผู้โพธิ์สัตว์ย่อมมีผลมากกว่าให้ในสัตว์ธรรมดา ให้ในสัตว์ที่มีคุณย่อมมีผลมากกว่าให้แก่สัตว์ที่ไม่มีคุณ และแม้แต่ให้อาหารแก่พวกมดปลวกก็ยังเกิดบุญกุศล ดังนั้น ชื่อว่าการให้ย่อมเกิดบุญกุศลทั้งสิ้น แต่จะมาก-น้อยก็ต่างกันไป เงิน 1 บาทถวายพระอรหันต์มีผลมากมายนับไม่ได้ แต่ให้ในภิกษุทุศีลมีผลน้อย นี่คือความแตกต่างของนาบุญ ถ้ารู้จักเลือกก็ให้เลือกเถิด ถ้าเลือกไม่ได้ให้ถวายในสงฆ์ส่วนรวมก็มีอานิสงส์มาก
                     คน ในศาสนาไหนก็ส่งบุญได้ ไม่ว่าพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู ซิก ล้วนมีวิธีสร้างบุญกุศลผลบุญสะสมคุณงามความดีด้วยกันทั้งสิ้น เมื่อเกิดบุญกุศลขึ้นสามารถส่งถึงผู้อยู่ในโลกทิพย์ได้ด้วยวิธีเดียวกัน ถึงเช่นกัน ก่อผลลัพธ์แบบเดียวกัน

                     ผลที่จะบังเกิดจากการโอนบุญ-เบิกบุญ
             -ทำ ให้เทวดาที่ได้รับบุญแล้วท่านจะมีอิทธิฤทธิ์เพิ่มขึ้น สามารถช่วยเหลือผู้ส่งบุญให้ได้รับความสำเร็จ เทวดาที่รักษาเคหะสถานบ้านช่องบางหลังก็แสดงฤทธิ์แทนเจ้าของบ้าน เปิด-ปิดทีวี วิทยุ และไฟในบ้านได้เอง ทำให้พวกโจรขโมยไม่กล้าเข้าไปยกเค้าเพราะเหมือนมีคนอยู่ในบ้านทั้งที่จริง ไม่มีใครอยู่บ้านเลยเทวดาสามารถป้องกันไม่ให้เกิดไฟไหม้บ้านป้องกันภัย อันตรายจากพายุ ต้นไม้หักโค่นล้มทับบ้าน บ้านไหนถูกไฟไหม้แสดงว่าเทวดาไม่รักษาเพราะเจ้าของบ้านมีบาปกรรมและไม่เคย ส่งบุญให่เทวดาและเจ้ากรรมนายเวร ที่บ้านข้าพเจ้า ก็มีเหตุการณ์แปลกเกิดขึ้นบ่อยๆพัดลมปิดเอง ไฟฟ้าปิดเอง ถ้าทำอะไรไม่เหมาะสมจะมีสิ่งตักเตือนเกิดขึ้น
             -ทำให้เจ้ากรรมนายเวรหยุดการจองเวรแล้วกลับมาเป็นเทวดาที่ปกปักรักษาตัวเรา
             -ทำให่เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์สัตว์ทั้งหลาย ไปทางไหนมีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็นการเดินทางไปไหนมาไหนก็จะแคล้วคลาดอันตราย
             -ธุรกิจการค้า หน้าที่การงาน จะราบรื่นจะพบช่องทางทำมาหากินที่แจ้งชัด ถ้าตกงานก็จะได้งานทำ ถ้าเจ้านายเกลียดก็จะรักชอบขึ้น
             -ร้าน อาหาร ร้านขายของ จะมีแขกเข้าร้านมากกว่าเดิม และอย่าลืม ถ้ามีคนมาอุดหนุนให้อธิษฐานบุญให้แก่เทวดาที่รักษาลูกค้าที่มาอุดหนุน ทันที ต่อมาเทวดาก็จะดลใจให้ลูกค้ากลับมาหาเราอีก
              -จะ หลับก็ง่าย จะนอนก็สบาย ไม่ต้องใช้ยานอนหลับ ไม่ต้องสะดุ้งผวาตกใจ แม้ฝันก็ฝันดี สุขภาพร้างกายก็แข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมารบกวน
              -ครอบครัวก็จะอยู่กันอย่างอบอุ่นมีความสุข มีความเข้าอกเข้าใจกัน
              -เพื่อนบ้านที่เขม่นชิงชัง เป็นเกาเหลาต่อกัน ก็จะหันมาเป็นมิตร รักใคร่ใยดี ให้ความเกรงอกเกรงใจซึ่งกันและกัน
                       ดังที่ข้าพเจ้าเล่ามานี้เป็นแค่ตัวอย่าง ย่อๆ เท่านั้น รายละเอียดประสบการณ์ของผู้ที่ได้ผลอย่างสุดจะบรรยายยังมีอีกมาก ในแต่ละวัน ขอให้ท่านขยันในการโอนเบิก/เปิดบุญ ให้ถี่ๆ อยู่บ่อยๆ ท่านยิ่งให้ท่านก็จะได้ผลอย่างคาดไม่ถึงทั้งบุญก็ได้เพิ่มทวีคูณ อีกทั้งยังเป็นการเจริญเมตตาอยู่ในตัวยิ่งถ้าท่านเป็นนักศีลนักบุญอยู่ด้วยแล้ว ยิ่งจะเห็นผลเร็วอย่างมาก
                      คนจะเลิกทำบาปมาแสวงบุญก็เพราะได้ฟังธรรม คนจะสนใจให้ทาน รักษาศีลบำเพ็ญภาวนา ก็เพราะได้ฟังธรรม พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "ธรรมทานคือการให้ธรรมเหนือกว่าการให้สิ่งอื่นๆ ทั้งหมด แม้ถวายทานในพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานก็ยังไม่เหนือกว่าการให้ธรรมทาน ได้"
                      บุญกุศลที่เกิดจากธรรมทานนี้ ข้าพเจ้าขอมอบแด่เทวดาที่รักษาท่านผู้อ่านและผู้ฟังให้ประสบความรุ่งเรือง ยิ่งๆ ขึ้นไปตลอดกาลนานเทอญ

2 ความคิดเห็น: