วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เคล็ดลับของการสวดมนต์




โดย ธ.ธรรมรักษ์

การสวดมนต์นั้น ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับทุกคนในยุคนี้ สะดวกมากในทุกเพศ ทุกวัยและไม่ใช่เรื่องของคนแก่ คนเคร่งครัดอีกต่อไปเหมือนที่เคยเป็นและเราเข้าใจผิดกันอย่างนั้น บทสวดมนต์ต่างๆ มีการเผยแพร่ออกมามากมายในรูปแบบต่างๆ ที่เห็นกันและได้ยินกันจนเคยชินมากมาย

แต่การที่จะสวดมนต์ให้ เกิดผลดีต่อชีวิตตามที่ทุกคนปรารถนานั้น ครูบาอาจารย์ตั้งแต่ครั้งโบราณกาล ท่านได้แนะนำว่า หากจะให้ได้ผลดีจริงหรือดียิ่งๆ ขึ้นไปนั้น ควรจะต้องเริ่มจาก

1. ต้องเป็นคนดี และมีบุญของตนเองเสียก่อน

เรื่อง นี้เป็นเคล็ดลับสำคัญในการสวดมนต์ และสวดคาถาศักดิ์สิทธิ์ทุกบท ที่จะต้องถือว่าเป็นอันดับแรกในการเตรียมตัวที่จะสวดเพื่อให้ชีวิตนั้น รุ่งเรือง ร่ำรวย บำบัดรักษาโรคภัยใช้ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม

ด้วย พลานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของบทสวดมนต์และคาถานั้น เชื่อว่าหากผู้สวดนั้นเป็นคนดีมีศีลธรรม จะช่วยทำให้คนที่สวดนั้นพบกับความมหัศจรรย์ ในการนำเรื่องดีเข้ามาสู่ชีวิตไม่ขาดสาย จะทำการค้าขายก็เจริญรุ่งเรือง เงินไหลมาเทมา ครอบครัวก็เป็นสุข

เรื่องการปัดเป่าเคราะห์ ร้ายหรือภัยพิบัติในชีวิตให้คลายตัวลงหรือหมดไปประจวบกับกรรมนั้นถึงเวลา อ่อนตัวลง และจะกลายเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เรื่องร้าย หรือสิ่งอัปมงคลเสนียดจัญไร เข้ามาในชีวิตได้อีก

บทสวดทุกบทในหนังสือเล่มได้มีการ พิสูจน์มาอย่างยาวนานจากครูบาอาจารย์ที่เคยสวดมาแล้ว แต่ที่หลายคนสวดแล้วบอกไม่ได้

เหตุผล สำคัญก็คือ ยังเป็นคนดีไม่พอ หรือบุญที่มีนั้นไม่พอที่จะส่งผลดีต่อชีวิตและความปรารถนาให้สำเร็จได้ หรือมีวิบากกรรมบางอย่างขวางเอาไว้

ทำไมถึงพูดว่ายังเป็นคนดี และยังบุญไม่พอเช่นนี้ เพราะการสวดมนต์นั้นเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการทำกรรมดี เป็นการเพิ่มฤทธิ์ทางใจ น้อมนำพลังฝ่ายดีเข้าสู่ตัวด้วยอำนาจแห่งอักขระ อำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ในบทสวดมนต์นั้น

แต่ อำนาจและคุณความดีเหล่านี้จะเข้าสู่ตัวของผู้สวดไม่ได้เลย หากมีกรรมชั่วภายในสกัดกั้นอยู่มาก อำนาจฝ่ายดีก็ไม่อาจจะแทรกเข้าไปส่งผลได้เลย

ครูบาอาจารย์ หลายท่านจึงกล่าวตรงกันว่า กรรมดีหรือกรรมขาวนั้นจะไม่สามารถเข้าไปไม่ได้เลย หากมีกรรมชั่วหรือกรรมดำอยู่ในใจ กรรมทั้งสองสิ่งนี้อยู่รวมกันไม่ได้ สิ่งที่สะอาดกับสิ่งสกปรกมันเข้ากันไม่ ได้ กรรมชั่วมันจะไปขัดขวางให้สวดไม่ได้ จำไม่ได้แม้แต่จะสมาทานศีล 5 ที่เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับคนไทยแต่ก็ทำไม่ได้ หรือทำให้ต้องมีกิจธุระหรือเหตุการณ์มาทำให้สวดมนต์ไม่ได้

เหมือนขวดน้ำที่มีน้ำอยู่เต็มขวด แม้พยายามจะกรอกน้ำเข้าไปอีกมันก็ล้นเข้าไปไม่ได้ เพราะน้ำในขวดมันดันไม่ให้เข้าไป

แต่ อานิสงส์ของบุญและพลังศักดิ์สิทธิ์ของการสวดมนต์นั้นก็ยังอยู่ไม่ได้หายไป ไหน แต่ทว่ายังส่งผลไม่ได้จนกว่า กรรมชั่วหรือกรรมดำนั้นจะลดลง จึงจะเข้าไปส่งผลกับชีวิตของเราได้

ดังนั้นก่อนที่จะสวดมนต์ ทำความดีสร้างมงคลสู่ชีวิตนั้น เป็นเรื่องจำเป็นมากที่ต้องลด ละ เลิกทำความชั่วเสียก่อนในทุกประเภทเพื่อไม่ให้มีกรรมชั่วเพิ่มเติม ในส่วนที่พลาดพลั้งไปแล้วนั้นเราย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ ก็เหมือนน้ำดำหรือยาพิษที่แทรกอยู่ในน้ำสะอาดที่เคยใส่ลงไป

ไม่ เป็นไร ไม่ต้องกังวล กรรมดีสร้างได้ใหม่ในทุกวินาที หมั่นสร้างบุญกุศลเหมือนเติมน้ำสะอาดเข้าไปในชีวิตเรื่อยๆ น้ำดำหรือยาพิษนั้นก็จะเจือจางลงไป จนไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ เหมือนกับเวลาที่เรามีบุญมาก เป็นช่วงเวลาที่วิบากกรรมฝ่ายดีมาส่งผล วิบากกรรมฝ่ายไม่ดีก็ไม่มีโอกาสที่แทรกมาส่งผลได้ หรืออาจจะส่งผลได้น้อยมากจนเราไม่รู้สึกอะไรเลย ถ้าอยากจะให้ชีวิตดีต้อง เริ่มตั้งวันนี้ วินาทีนี้เลย ถ้าอยากให้ชีวิตดีอย่าผัดวันประกันพรุ่ง ขอให้มั่นใจและมีศรัทธาอย่างมั่นคงว่า “บุญนั้นเป็นที่พึ่งได้จริง”

สำหรับ คนที่มีวิบากกรรมไม่ดีมาขวางไว้ ทำให้สวดมนต์ไม่ได้หรือจำบทสวดมนต์แม้แต่สั้นๆ ไม่ได้ หรือเจออุปสรรคกรรมขวางไว้ไม่ให้สวดมนต์ได้ ทางแก้ไขก็คือ หมั่นสร้างบุญกุศล อธิษฐานขอให้อานิสงส์แห่งบุญช่วยให้สวดมนต์ได้และต้องอุทิศบุญนั้นให้เจ้า กรรมนายเวรที่มาขวางทางบุญนี้เสีย ทำบ่อยๆ จนเจ้ากรรมนายเวรเขาพอใจ เขาจะหลีกทางให้เราสวดมนต์สร้างบุญกุศลได้

มีเรื่องเล่าให้ ฟังเรื่องหนึ่ง มีผู้หญิงคนหนึ่งสวดมนต์ไม่ได้ เพราะลิ้นมันคับปาก อย่าว่าแต่สวดมนต์เลยแม้แต่จะพูดก็ยังไม่ได้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเคยไปปรักปรำพระภิกษุสงฆ์ว่าเสพสังวาสกับสีกา ทั้งๆ ที่ท่านไม่ได้ทำจนทำให้ท่านต้องมลทิน ปฏิบัติธรรมต่อไม่ได้

ด้วย กรรมนี้ที่ไปขวางทางปฏิบัติธรรมและดูหมิ่นผู้มีคุณธรรม ทำให้ผลแห่งกรรมนั้นมาส่งผลให้ลิ้นที่เคยโกหกพกลม ใหญ่คับปากจนพูดไม่ได้และลุกลามกลายเป็นมะเร็ง จนได้เมตตาจากครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ที่เป็นผู้ทรงคุณธรรมและมีเมตตายิ่ง บอกวิธีคลายวิบากกรรมให้ ลิ้นที่แข็งนั้นก็อ่อนลงจนสวดมนต์ได้จนถึงทุกวันนี้

สำหรับ ท่านใดที่ไม่รู้ว่าต้องเองได้รับวิบากกรรมจากกรรมใด เมื่อไหร่แน่ แต่ส่งผลให้มาขัดขวางในการสวดมนต์ ขอให้สร้างบุญกุศลเป็นของตนเองและอุทิศบุญไปให้เจ้ากรรมนายเวรแบบเจาะจงว่า

“โดย เฉพาะเจ้ากรรมนายเวรที่ขัดขวางการสวดมนต์ ขอให้ท่านมารับบุญกุศลนี้ เมื่อท่านมารับแล้วพอใจในบุญกุศลนี้ ขอให้ท่านถอนตัวจากการขัดขวางการสวดมนต์ด้วยเถิด”

หมั่นทำ บ่อยๆ แล้วท่านจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เรื่องนี้พิสูจน์มาแล้ว แต่ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น ขอให้เป็นสิทธิ์ของท่าน บุญของท่านเอง

2. หมั่นทำบุญ และอุทิศบุญเพื่อให้ เหล่าองค์เทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าของคาถาคุ้มครองอวยพร

คน เรานั้นชีวิตจะดีหรือจะรวยขึ้นมาได้นั้น ต้องมีบุญเก่าเป็นตัวหนุนไปรวมกับบุญใหม่ที่ต้องเร่งทำ บุญนั้นต้องเป็นบุญที่เราสร้างขึ้นมาเอง เพื่อเป็นฐานบุญ เป็นทุนรอนที่สำคัญของตนเองที่ต้องมี ก่อนจะไปขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านช่วยหรือไปพึ่งบุญของคนอื่น

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆัง พระอริยสงฆ์ของเมืองไทยที่ท่านได้ละสังขารไปแล้ว ท่านได้เคยกล่าวไว้โดยสรุปว่า

“ลูก เอ๋ย ก่อนที่จะเข้าไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือบารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด

เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่ไป เที่ยวขอยืมมาจนพ้นตัว เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมดไม่มีอะไรเหลือติดตัว แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง

จง จำไว้นะเมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นเมื่อถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลยจะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า“

เรื่อง นี้เป็นเรื่องจริงแท้และครุบาอาจารย์ท่านทราบดี ท่านจึงหมั่นเตือนคนว่าให้เร่งสร้างบุญของตนเสีย ยิ่งถ้าเรารู้ตัวว่าบุญน้อย ยังมีชีวิตที่ลำบากเจอแต่เรื่องร้ายๆ ในชีวิตซึ่งส่วนหนึ่งมันก็คือวิบากกรรมไม่ดีมาส่งผล รวมถึงกรรมไม่ดีที่จะทำขึ้นมาใหม่ ก็ต้องขวนขวายทำความดี หมั่นสร้างบุญกุศล ต้องทำบุญสร้างบุญเพิ่มเพื่อคลายวิบากกรรมไม่ดีนั้นเสีย

ขอบอก เคล็ดลับสำคัญข้อหนึ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนมาและท่านบอกว่าคนรวยรู้จักดี ในเคล็ดนี้และทำเป็นประจำ ก็คือ การให้ทานแบบทันที ให้ไปตามที่ร้องขอ ให้ตรงตามเวลา ตรงประโยชน์ที่คนมาขอความช่วยเหลือต้องการ

อย่า ไปขี้เหนียว อย่าไปกังวลว่าให้ไปแล้วเขาจะเอาไปทำอะไร ครูบอาจารย์ท่านบอกว่า ใครทำทานแบบนี้ได้ จะเกิดโชคลาภมากมายแบบไม่คาดฝันขึ้นบ่อย จับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองหมด เพราะกระแสบุญนั้นสูงและมาสนองตอบเร็ว

และเคล็ดลับสำคัญอีก ข้อหนึ่งในการที่จะสวดมนต์คาถาให้ได้ผลนั้น เมื่อเราสร้างบุญแล้ว เราต้องอุทิศถวายบุญกุศลนั้น เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่องค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จนถึงองค์ปัจจุบัน

และอุทิศโมทนาพระ คุณความดี ของครูบาอาจารย์ท่านที่เป็นเจ้าของคาถา อุทิศแด่เทวดาประจำตัว พรหมเทพเทวดาทั้งหลาย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ให้ท่านช่วยเมตตาดลจิตดลใจ เรา ได้มีโอกาส สร้างพลังบุญมากขึ้นไปอีกและทำเหตุให้ตรงกับผลที่เราปรารถนาอยากได้

สำหรับ การทำบุญอุทิศโมทนาพระคุณความดีไปให้เจ้าของพระคาถานั้น เป็นการแสดงความกตัญญู แสดงความเคารพและขอบพระคุณในพระคุณความดีของท่าน และเป็นการเชื่อมบุญระหว่างเรากับท่านให้มั่นคงแน่นแฟ้นมากขึ้น และการที่เรานำคาถานั้นมาใช้เพื่อก่อให้เกิดผลประโยชน์ เราต้องรู้และใช้ภาษาให้ถูกต้องเหมาะสมด้วย ในการอธิษฐานแผ่บุญกุศลนี้

อย่าง เช่น ขออุทิศถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา นั้นสำหรับพระพุทธมนต์ที่มาจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า เพื่อแสดงความนอบน้อมบูชาพระพุทธองค์

ขออุทิศโมทนาพระคุณความดีนั้นใช้กับพระอรหันต์ พระโพธิสัตว์พระอริยสงฆ์ ที่เป็นเจ้าของพระคาถาหรือคาถา

สำหรับ ครูบาอาจารย์ที่เป็นฆราวาสที่เป็นผู้ค้นคิดนั้นใช้คำว่า อุทิศบุญแด่…(บอกชื่อท่านไป) แต่ถ้าไม่รู้ ให้กล่าวถึงว่า อุทิศถึงครูบาอาจารย์ผู้เป็นคนแต่งพระคาถาหรือคาถาที่เรามาใช้สวด

การ ใช้คำให้ถูกนั้น เป็นการแสดงเจตนาในความเคารพ เหมือนกับการจัดหิ้งพระ ที่ต้องรู้ว่าชั้นที่หนึ่งควรจัดพระพุทธรูปเป็นประธาน ชั้นที่สองเป็นพระอรหันต์ ชั้นที่สามเป็นพระโพธิสัตว์หรือพระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์

ที่บอกว่าการอุทิศโมทนาพระคุณความดีหรือการ อุทิศบุญนั้น เป็นการเชื่อมบุญกับท่านเจ้าของคาถา และเป็นการขอให้ตัวเรานั้นมีส่วนร่วมในบุญของท่านที่มีมากมายมหาศาล จนประมาณไม่ได้ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันและที่จะมีต่อไปในอนาคต เป็นการเพิ่มบุญให้กับตัวเราเองด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น