วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

กรรมที่เงินขาดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง


เหตุจากกรรมเก่า คนที่มีปัญหาเรื่องเงินขาดมืออยู่บ่อยๆ อาจจะเกิดจากการกระทำในอดีตชาตินั้น
เคยทำทานมาไม่ครบตามเหตุและปัจจัย ซึ่งหมายถึง เวลาในการทำทานนั้นยังมีจิตที่ตกอยู่
ยังคงเสียดายทานที่ทำไป ตั้งใจว่าจะทำทานด้วยอาหารคาวหวาน 4 อย่าง ผลไม้ 5 อย่าง
พอเอาเข้าจริงหรือเวลาลงมือปฏิบัติในทานนั้นกลับรู้สึกเสียดายหรือว่าด้วยเหตุอะไรก็ตาม
จึงทำทานนั้นน้อยลงไปจากที่เคยตั้งใจไว้ เช่น ไปลดปริมาณของลงเสีย ให้เหลือเพียงอย่างหรือสองอย่าง ไม่ตรงกับที่ตั้งใจไว้ หรือลดคุณภาพวัตถุทานที่จะทำนั้นด้วยความเสียดายเป็นเหตุ

ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านได้เมตตากล่าวถึงการตั้งใจสร้างบุญหรือไปรับปากพระสงฆ์ แล้วไม่ได้ทำ
หรือทำเกินที่รับปาก ที่จะมีผลต่อเรื่องเงินทองมาก โดยให้พิจารณาดังนี้

1.ทำน้อยกว่าที่ตั้งใจ เงินทองจะขาดมือบ่อย มักจะมีแต่ปัญหาการเงินตลอดเวลา
คาดหวังว่าจะได้เงินมักจะพลาดไม่ได้ดังใจหวัง

2.ทำเท่ากับที่ตั้งใจ จะมีความสุขตามบุญที่ทำ เงินทองไม่ขาดมือ มีใช้แต่ไม่ค่อยเหลือเก็บ
ยังช่วยเหลือใครไม่ได้หรือช่วยได้แต่น้อยมาก

3.ทำมากกว่าที่ตั้งใจเอาไว้ เงินทองจะมากมายเหลือกินเหลือใช้ โชคลาภเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวอยู่ๆ ก็มีเงินทองเข้ามา และเป็นถูกต้องถูกธรรมด้วย และสามารถไปช่วยเหลือคนอื่นได้ตลอดเวลาเป็นบุญงอกที่งอกเงย ทำให้คนผู้นั้นพบกับความสุขความเจริญ ซึ่งทั้ง 3 ประเภทนี้ใครอยากรวย อยากมีเงินก็ขอให้คิดเอาเองว่า จะทำบุญแบบไหนดีเมื่อได้ตั้งใจเอาไว้แล้ว

การที่เงินทองต้องขาดมือบ่อยๆ หมุนไม่ทันนั้นอีกสาเหตุหนึ่งมาจากการที่วัตถุทานที่เอามาสร้างบุญนั้นไม่บริสุทธิ์ อาจจะมีบาปเจือปน คือ วัตถุทานนั้นอาจจะซื้อมาด้วยเงินที่ไม่บริสุทธิ์ เป็นเงินมาจากการได้มาทางอบายมุข เช่น เงินจากการเล่นการพนัน,แทงบอล,หวยเถื่อน หรือ เงินมาจากการเบียดเบียนผู้อื่น หรือมาจากการทำร้าย ทำลายชีวิตเบียดเบียนผู้อื่น เช่น การไปฆ่าไก่มาต้มข่าถวายพระ การไปเด็ดดอกไม้จากสวนเพื่อนบ้านโดยไม่ขออนุญาตเอามาถวายพระ เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้บุญกุศลที่เคยทำมาจึงมีลักษณะแบบครึ่งๆ กลางๆ ขาดๆ หายๆ เดี๋ยวก็มีเงินทองมาก
พอผ่านไประยะเงินขาดมือหมุนไม่ทัน จะไปหยิบยืมใครเขาก็ยากเพราะไม่มีบุญเชื่อมกับเขาไว้พอ
หรือเกิดความยากลำบากเจอกับอุปสรรคกว่าจะได้รับการช่วยเหลือ บางครั้งต้องโดนเขาต่อว่าต่อขานหรือดูถูกเอา ซึ่งคนที่เขาต่อว่าดูถูกเหล่านี้ เขาอาจเคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรคือเคยเป็นเจ้าของวัตถุทานที่เราเคยไปขโมยเขามาก่อน

เหตุจากกรรมใหม่ การที่เราหาเงินได้แบบชักหน้าไม่ถึงหลังนั้น ไม่ใช่ว่าจะเกิดจากกรรมเก่าเพียงอย่างเดียวเราต้องมาพิจารณาว่าเราทำเหตุให้ตรงกับผลหรือไม่ด้วยคือ พิจารณาจากการกระทำในปัจจุบัน
ซึ่งเห็นได้ชัดเจนกว่ากรรมเก่าในอดีตเสียอีก ยกตัวอย่างเช่น ในการประกอบอาชีพเราเป็นคนใจเร็ว ตัดสินพลาดในบางครั้งอาจจะทำให้ชวดโอกาสสำคัญ ก็ให้ใช้ปัญญาตรึกตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ หากบอกว่าไม่มีความรู้ความสามารถก็ต้องพยายามขวนขวายเรียนรู้เพื่อเอาความรู้นั้นมาเปลี่ยนเปลี่ยนเป็นเงิน

ตัวของเรายังเป็นคนที่ใช้เงินด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล ก็หันกลับด้านความคิดเสีย ให้ดูว่าของที่เราจะซื้อนั้นสมควรหรือไม่ที่จะซื้อ เมื่อซื้อแล้วทำให้เราต้องเงินขาดมือหรือไม่ ของที่จะซื้อรอได้อีกหรือไม่ พิจารณาให้ดี ๆ ส่วนหนึ่งที่เงินขาดมือมาจากการซื้อของ โดยไม่คิดเน้นซื้อของโดยมุ่งประโยชน์เทียมมากกว่าประโยชน์แท้ เช่น เงินเดือนน้อยอยู่แล้วแต่ชอบนำเงินไปใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าทุกเดือน หรือซื้ออุปกรณ์ที่เป็นเทคโนโลยีแบบเกินกว่าความจำเป็นต้องใช้จริงในชีวิตประจำวัน ฯลฯ

เราต้องเปลี่ยนพฤติกรรมโดยหันมาประหยัดเน้นประโยชน์แท้มากกว่าประโยชน์เทียม หากยังเป็นคนไม่อดออม สุรุ่ยสุร่าย ออกไปกินข้าวนอกบ้านทุกวัน รายจ่ายมากกว่ารายได้ขาดปัญญาในการใช้เงิน ก็ย่อมต้องมีปัญหาทางการเงินอยู่ตลอดเวลา การแก้ไขควรเป็นไปทั้งสองทางทั้งทางโลก และทางธรรมเพื่อให้เกิดการเสริมแรงซึ่งกันและกัน

การแก้ไขกรรมในทางโลกเกือบทุกคนล้วนต้องมี “หนี้” อยู่มากบ้างน้อยบ้าง ใครที่เป็นหนี้เป็นสินคนอื่นอยู่ต้องอย่าหลบ อย่าหนีให้ติดต่อเจ้าหนี้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบเท่าที่กำลังจะทำได้ หากยังไม่ได้ในขณะนี้ก็ต้องทำการขอโทษเขาและขอโอกาสเขาที่จะแก้ตัวขอผ่อนใช้เขาไป จะน้อยหรือมากก็ต้องทำ ถ้าทำไม่ได้อย่าไปรับปากส่งเดชจะทำให้เกิดกรรมใหม่ ที่หนักกว่ากรรมเก่ายิ่งกว่าเดิมเป็นการสร้างรอยแผลและผูกแค้นให้กับเจ้าหนี้อีก

การแสดงความรับผิดชอบและจริงใจในการจะรับผิดชอบหนี้ที่เกิดขึ้นอย่างน้อย ก็จะเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดต่อเจ้าหนี้ ให้เขาเกิดความเชื่อมั่นว่าคนเป็นลูกหนี้จะไม่เบี้ยวหรือหนีหายไป
ส่งผลให้กรรมทั้งหลายอาจคลายตัวให้เบาบางลง

นอกจากนั้นเรายังต้องพิจารณาตนเองให้สม่ำเสมอว่า เราเองยังเป็นคนที่หาเงินไม่คล่อง ถ้าเพราะเราไม่มีช่องทางหรือไม่มีคนสนับสนุนก็ต้องแสวงหา ต้องเปิดประตูโอกาสด้วยตัวเอง เริ่มจากการสร้างนิสัยในการอ่อนน้อมถ่อมตน ความเย่อหยิ่งจองหองนั้นไม่เคยช่วยชีวิตให้ใครสบายขึ้น ผู้ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนแบบไม่ประจบประแจงย่อมได้รับความเมตตาช่วยเหลือได้ดีกว่า คนที่เสแสร้งหรือเย่อหยิ่ง หากผู้ที่เราไปขอความช่วยเหลือมีบุญร่วมกันมาก็ยิ่งถือเป็นเรื่องง่าย โดยสังเกตได้จากอัธยาศัยไมตรีในการพูดคุยครั้งแรกหากถูกชะตาหรือเข้าหาได้ง่ายก็แสดงว่ามีความเกี่ยวพันกันมาก่อนในทางที่ดี

การแก้ไขในทางกรรมทางแก้ไขในเรื่องนี้แบบเร่งด่วนให้ได้ผลทันใจนั้น ควรหมั่นทำทานเสียใหม่ประกอบไปด้วยทาน 3 อย่าง ที่เกิดบุญมากอย่างสม่ำเสมอคือ วัตถุทาน ธรรมทานและอภัยทาน

-วัตถุทาน ที่จะทำ เอาแบบที่ตั้งใจทำแบบไหน แค่ไหนให้ทำแบบนั้น อยากทำ 1บาท ก็ 1 บาท
อยากทำ 100 บาท ก็ 100 บาท อยากถวายข้าวเปล่าก็ข้าวเปล่าไม่ต้องเสียดาย ในการทำทานทุกครั้งควรระวังอย่าให้จิตตกไปพะวงว่าคนที่รับทานนั้นเขาจะเอาวัตถุทานหรือปัจจัยนั้นไปทำอะไร ยิ่งวัตถุทานนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากต้องใช้ในชีวิตของเราแต่เราเสียสละให้คนอื่นได้ จะยิ่งมีอานิสงส์มาก

-ธรรมทาน คือ การเอาความรู้ไปช่วยให้เขาพ้นทุกข์ (วิทยาทาน) ไม่ว่าจะเป็นทางโลกและทางธรรม
เช่น ไปสอนเขาปลูกผักให้ถูกต้อง ไปสอนเขาทำอาหารให้ดีให้เก่ง สอนวิชาช่างไปทำเป็นอาชีพได้
บอกทางให้เขาได้เดินชีวิตถูกต้อง การให้กำลังใจเขาให้สู้ชีวิต การไปร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะ หนังสือสวดมนต์ หรือแม้แต่เราไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว ก็เป็นผู้นำบุญไปบอกไปเชิญชวนให้คนมาร่วมพิมพ์หนังสือ หรือชวนคนทำบุญ ถือว่าเป็นธรรมทานทั้งสิ้น

-อภัยทาน เรื่องนี้เป็นบุญใหญ่ที่สุด ทำลักษณะการทำนั้นทำได้ง่ายด้วยตัวเองไม่ต้องเสียเงินทอง
แต่อภัยทานแม้รูปแบบจะทำได้ง่าย แต่ทว่ากลับทำได้ยากที่สุดในทานทั้งหมดเพราะว่าวิสัยของปุถุชนย่อมมีความโกรธ, ความอาฆาตพยาบาท อยู่ในกมลสันดานอยู่แล้ว ซึ่งต้องหมั่นฝึกฝนทำให้เป็นประจำ ซึ่งถ้ามีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาเป็นหลักจะช่วยให้ง่ายขึ้นและสำเร็จได้แบบสบายๆ

การให้อภัยนั้นควรเริ่มจากการตั้งจิตให้สงบเสียก่อน คือให้ละจากอารมณ์โกรธเคียดแค้นใด ๆให้ได้ก่อนแม้ความขัดเคืองในใจยังมีอยู่แต่อย่างไรก็ตามต้องทำให้จิตสงบนิ่งให้ได้ ขอให้คิดว่ากรรมใดๆ เรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเราเคยไปสร้างกรรมเวรไว้กับเขาเมื่อถึงเวลาเขาก็ต้องมาเอาคืน เป็นการดีแล้วที่เราใช้หนี้เขาไปเสีย จะได้ไม่ติดค้างกันอีกหมดสิ้นกันเสียที จากนั้นให้อโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรเขาเสียไม่ให้มีเวรกรรมติดค้างผูกพันกันอีก

ต่อมาคือ ให้อภัยต่อคนรอบข้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นใครเป็นพ่อแม่ พี่น้อง ลูก ญาติมิตร คนร่วมงานกัน
คู่ค้า ลูกค้า สัตว์เลี้ยง สรรพสัตว์ต่างๆ หมั่นให้อภัยทานบ่อยๆ จิตเราจะมีกำลังมาก ทำอะไรก็สำเร็จไม่มีกรรมมาเหนี่ยวมาขวางเอาไว้ แต่ต้องให้อภัยทั้งหมดทั้งกาย วาจา และใจ และที่สำคัญพยายามให้คนรอบข้างที่มีส่วนในชีวิตของเราให้อโหสิกรรมต่อกันและกัน

การสร้างทานใหญ่ด้วย วัตถุทาน ธรรมทาน อภัยทาน ควรทำในทุกๆ วัน ยิ่งวันละหลายครั้งก็จะยิ่งดีขึ้นอย่างทันตาเห็นเคล็ดลับสำคัญคือ การทำทานให้เป็นประโยชน์แก่คนหมู่มาก

เพราะยิ่งเกิดประโยชน์มากเท่าใด โชคลาภจะหลั่งไหลมาสู่ไม่ขาดสาย เงินทองจะไม่ขาดมือ ไม่มีขัดสนด้วยอานิสงส์บุญที่ทำลงไป เช่น ร่วมสร้างถนน โรงพยาบาล ร่วมซื้อเครื่องมือแพทย์ สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ สร้างมหาเจดีย์ โรงทาน เป็นต้น

เมื่อทำทานครั้งใดเสร็จสิ้นให้อุทิศบุญไปให้เจ้ากรรมนายเวรเขาทันที พูดด้วยภาษาง่ายๆ ก็ได้ให้เขามารับบุญกุศลนี้ ถ้าเขาพอใจแล้ว ยินดีในบุญแล้วขอให้เขาอโหสิกรรมให้ ถอนตัวไปจากการขัดขวางในเรื่องเงินนี้ ต้องระบุไปอย่างเจาะจงเลย การที่เราไม่บอกแบบเจาะจงว่าเดือดร้อนเรื่องอะไร เจ้ากรรมนายเวรอาจนึกว่าเป็นดอกเบี้ยกรรมจึงนิ่งเฉยไม่ถอนตัวออกไปเพราะเขาไม่รู้ว่าเราต้องการอะไรกันแน่

นอกจากเจ้ากรรมนายเวรแล้วเราต้องอุทิศบุญให้กับเทวดาประจำตัว ดวงวิญญาณที่ดูแลคุ้มครองเราอยู่ซึ่งจะบอกให้ทราบว่าทุกคนมีเทวดาประจำตัวแน่นอนอย่างน้อย 2 ตนขึ้นไปและดวงวิญญาณที่คุ้มครองด้วย ท่านเหล่านี้มาจากคนที่รักเรา เมตตาเราอย่างจริงใจและมีกรรมดีผูกพันกันมา อาจจะเป็นบรรพบุรุษในอดีตชาติ พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย พี่น้อง ลูก ญาติหรือเพื่อนสนิท ครูบาอาจารย์ที่ตายไปแล้วและอยู่ในภพภูมิอื่น ท่านยังเป็นห่วงจึงมาดูแลเราอยู่

เราต้องหมั่นอุทิศบุญส่งไปให้ท่านเพื่อให้ท่านมีบุญเพิ่มขึ้น และสายใยแห่งบุญที่เหนียวแน่นมั่นคง
ท่านจะรักและเมตตาเรามากขึ้นไปอีก ท่านเหล่านี้มีอำนาจในระดับหนึ่งที่จะช่วยดลใจให้เราพบช่องทางการหาเงินที่ถูกต้องถูกธรรม ไม่มีกรรมชั่วติดมาด้วย ช่วยดลใจให้เราพบคนดีที่จะช่วยเหลือ ดลใจให้เราพบโชคลาภที่ถึงเวลาจะได้จากที่เคยช้าก็จะเร็วขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น