วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หลักการขอพร,ขอความช่วยเหลือจากเทวดาให้ได้ผล



เมื่อทำการเชื่อมบุญ ทำให้กระแสบุญผูกพันกันแล้ว เชื่อมกันแล้ว
ในเวลาเราจะไปขอพรหรือขอความช่วยเหลือนั้น
เราต้องไม่ลืมว่าอย่างไรก็ตามท่านก็เป็นเทวดาท่านมีภพที่อยู่สูงกว่าเรา

ที่เราต้องไปสักการบูชาทำความเคารพ ขอโมทนาคุณความดีของตัวท่าน
ให้ช่วยคุ้มครองและดลใจให้เราไม่เดินทางผิดและทำดีต่อไป
ไม่ใช่การไปขอร้องให้ช่วยด้วยการ “ติดสินบน”
โดยการเอาของไปเซ่นไหว้หรือล่อใจท่าน

อย่าลืมว่าเทวดา ท่านก็เป็นภพภูมิที่ยังมีกิเลส การไปสร้างกิเลสให้ท่านก็นับว่า
เป็นบาปอย่างหนึ่งทำให้กลายเป็นว่า ท่านจะไปสร้างกรรมร่วมกับเราแทนซึ่งแน่นอนว่า
เหล่าเทวดาผู้ต้องการความดีคงไม่ปรารถนาเช่นนั้น

ที่สำคัญคือ หากเราเป็นคนหนึ่งที่ไปชักชวนให้ท่านเกิดกิเลสให้ท่านร่วมก่อกรรมไม่ดี
เพราะเอาสิ่งของไปล่อไปติดสินบน เราก็จะต้องพลอยรับผลกรรมไม่ดีไปด้วย คิดใหม่ว่า
ที่ท่านช่วยให้พรและให้ความเมตตานั้นท่านไม่ได้หวังเครื่องเซ่นไหว้ใด ๆ ท่านได้ช่วยเราด้วยความบริสุทธิ์ใจเช่นเดียวกับการที่เราบริสุทธิ์ใจไปขอท่านจะทำให้ท่านได้สร้างบุญเพิ่ม

การขอพรนั้นเป็นสิ่งที่ดีครับและขอได้ทุกโอกาสขอได้กับเทวดาทุกองค์ (เพราะอย่าลืมว่า
ไม่มีเทวดาองค์ไหนมาคอยอยู่ประจำตัวดูแลเราตัวต่อตัว แน่นอน) เมื่อเรายังคงอยู่ในศีลมีบุญติดตัว
มีความตั้งใจมั่นและศรัทธาในความดี รับรองว่าความสำเร็จบังเกิดขึ้นกับเราแน่ ๆ

สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ในขณะที่กำลังขอพรหรือขอความช่วยเหลือนั้นสิ่งที่ขอก็ต้องเป็นเรื่องที่ดีด้วย หากจุดประสงค์ในการขอไม่บริสุทธิ์ จิตก็จะไม่สะอาดไม่อาจก่อพลังงานที่ดีขออะไรไปก็ไม่ได้ผลไม่เกิดอะไรขึ้นและท่านเทวดาก็คงไม่อำนวยผลให้เกิด เพราะถ้าท่านทำอย่างนั้นก็เท่ากับว่าท่านได้ทำบาปแล้วของที่ไม่ดีอย่างกรรมชั่วและบาปนั้นไม่มีใครเขาอยากได้

เมื่อจุดประสงค์ดี จิตใจสะอาดและสิ่งที่ขอกำลังจะเป็นผลให้ลองสังเกตดูว่า
ช่วงเวลาที่จิตใจสะอาดจะมีมีความกล้าแข็งทางจิตขึ้นด้วยจะมีความรู้สึกโล่งโปร่งสบาย อาจมีอาการขนลุกน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวหรือมีแสงสว่างวาบขึ้นมาในจิตแสดงว่า เทวดาท่านรับรู้แล้วในสิ่งที่เราต้องการและท่านจะช่วยอำนวยพรให้ส่วนเรื่องจะประสบผลสำเร็จดังที่ตั้งใจหวังหรือไม่
ก็อยู่ที่กรรมลิขิตตามหลักของ “กฎแห่งกรรม” อีกทีหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น