การบูชา "พระสีวลี" เพื่อให้ได้มาซึ่งลาภ ยศ ชื่อเสียงที่ขจรไปไกล พร้อมรับความร่ำรวย มั่งคั่ง
ที่จะเข้ามาอย่างรวดเร็ว เราจึงควรบูชา“พระสีวลี” เป็นประจำ
สาเหตุที่ท่านได้รับการยอมรับว่า
เป็นพระอรหันต์แห่งโชคลาภนั้น เพราะในสมัยที่ท่านยังอยู่ในครรภ์มารดา คือ พระนางสุปฺปวาสา
ผู้เป็นราชบุตรีของเจ้าเมืองโกลิยะ ท่านอาศัยอยู่ในครรภ์มารดานั้นนานถึง 7 ปี กับอีก 7 วัน
เพื่อชดใช้กรรมเก่าจากการที่ในชาติก่อนนั้น
(โดยปกตินั้น
คนธรรมดาอยู่ในท้องแม่ไม่เกิน 9 เดือน 10 เดือนก็ต้องคลอดออกมาแล้ว)
ซึ่งครั้งนั้น
พระองค์ทรงเป็นพระราชาในเมืองแห่งหนึ่ง ทรงมีอุบายร่วมกับพระมารดา
พยายามจะแย่งชิงเมืองอีกเมืองมาเป็นของตน แต่ไม่ใช้กำลังเข้าห้ำหั่น
อาศัยกลยุทธ์เข้าล้อมเมืองนั้น
ทำให้เมืองนั้นขาดการติดต่อจากโลกภายนอก
ชาวเมืองล้วนประสบโรคภัยไข้เจ็บ เผชิญกับการขาดแคลนอาหาร
ดำรงชีวิตอยู่ด้วยคงวามทุกขเวทนา ด้วยความทุกข์เวทนามากว่า 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ผลจากกรรมนั้น จึงส่งผลมาดังกล่าวแก่ท่าน
ให้ท่านนั้นต้องทนอุดอู้อยู่ในครรภ์มารดานั้น
แต่ด้วยด้วยอำนาจบุรพกรรมตามมา ได้ทำให้เกิดโชคลาภแก่พระมารดาผู้ทรงครรภ์เป็นอันมาก
โดยกล่าวว่าในเวลาใกล้ประสูติ แม้พระมารดาของท่านจะได้รับทุกขเวทนาอย่างแรงกล้า
แต่ยังมีสติที่ดี จึงขอให้พระสวามีไปกราบบังคมทูลขอพร จากพระบรมศาสดา
ในการครั้งนี้ พระพุทธองค์
ได้ทรงตรัสประทานพรแก่พระนางว่า
“ขอพระนางสุปปวาสา
พระราชธิดาแห่งพระเจ้ากรุงโกลิยะ จงเป็นหญิงมีความสุข
ปราศจากโรคาพยาธิ
ประสูติพระราชโอรสผู้หาโรคมิได้เถิด”
ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธานุภาพของพระพุทธองค์ผู้เป็นใหญ่ทั้ง
3 โลก ทำให้ความทุกขเวทนาของพระนางก็อันตรธานหายไป พระนาง ก็ได้ประสูติพระราชโอรสอย่างง่ายดาย
ดุจน้ำไหลออกจากหม้อ และกุมารน้อยจึงได้รับพระนามว่า “สีวลีกุมาร”
นับแต่นั้นเป็นต้นมา
และเมื่อพระนางมีพระวรกายแข็งแรงดีแล้ว
มีพระประสงค์ที่จะถวายมหาทานติดต่อกันเป็น เวลา 7
วัน ในวันถวายมหาทานนั้น สีวลีกุมาร มีพระวรกายเข้มแข็งดุจกุมารผู้มีพระชนม์
7 พรรษา ได้ช่วยพระบิดาและพระมารดาจัดแจงกิจต่างๆ
ซึ่งท่านพระสารีบุตรเถระได้สังเกตดูอยู่ตลอดเวลา
จึงเกิดความรู้สึกพอใจในพระราชกุมารน้อย และครั้นถึงวันที่ 7 ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ท่านจึงได้ชักชวน
สีวลีกุมาร ออกบวช
ซึ่งในการปฏิบัติพิธีกรรมนั้น
พระสารีบุตรเถระ ผู้รับภาระเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้สอนพระกรรมฐานเบื้องต้น คือ ตจปัญจกกรรมฐานทั้ง
5 ได้แก่ เกสา(ผม)
โลมา(ขน) นขา(เล็บ) ทันตา(ฟัน) ตโจ (หนัง) ให้
พิจารณาของทั้ง 5 เหล่านี้ว่าเป็นของไม่งาม เป็นของสกปรก ไม่ควรเข้าไปยึดติดหลงใหล
เมื่อสีวลีกุมาร ได้สดับพระกรรมฐานนั้นแล้วนำไปพิจารณาในขณะที่กำลังจรดมีดโกนเพื่อ
โกนผม ครั้งแรกนั้นท่านได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน จรดมีดโกนลงครั้งที่ 2ท่านได้บรรลุเป็น พระสกทาคามี
จรดมีดโกนลงครั้งที่ 3 ท่านได้บรรลุเป็นพระอนาคามี
และเมื่อโกนผมเสร็จ ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ทั้งที่อายุยังน้อย!
ในครั้งใดก็ตาม หากท่านร่วมคณะเผยแพร่ธรรมไปกับคณะองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จะพบว่ามีผู้ทำบุญถวายปัจจัยอย่างไม่ขาด ทั้งภัตตาหาร และที่พักอาศัย แม้จะออกเผยแพร่ธรรมในเป็นดินแดนห่างไกล
ยากไร้ แห้งแล้ง กันดารเพียงใดก็ตาม
ด้วยบุญบารมีของพระสีวลีนี้
ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะตัวท่านเอง แต่ยังได้เผื่อแผ่ไปยังพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
รวมทั้งสงฆ์สาวกท่านอื่นๆ ให้ได้รับปัจจัยอย่างทั่วถึง
ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์
จึงทรงประกาศให้ปรากฏในหมู่พุทธบริษัทตรัสยกย่องท่านใน ตำแหน่ง เอคทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทาง
“ผู้มีลาภมาก”
จึงเป็นที่มาของความศรัทธาที่ว่า
ท่านทรงเป็นพระภิกษุสงฆ์แห่งโชคลาภ
และความสมบูรณ์มั่งคั่งที่ไม่เคยขาด
และ ความศรัทธานี้ก็ยังคงปรากฏอย่างเด่นชัด
สืบทอดมาจนปัจจุบันนี้ หากผู้ใดบูชาพระสิวลีอย่างถูกต้อง
ก็จะพบความร่ำรวยอย่างรวดเร็ว และมีกินมีใช้ไม่ขาด
ซึ่งความศรัทธานี้
ได้สืบเนื่องมาจนปัจจุบัน ทำให้มีผู้ที่ทำธุรกิจการค้า หรือต้องการประสบความสำเร็จโดยเร็วในด้านเมตตามหานิยม
หรือโชคลาภ สรรเสริญจึงบูชาพระสีวลีไม่ได้ขาด โดยมีวิธีในการบูชาที่ถูกต้อง ดังต่อไปนี้
เคล็ดลับวิธีการบูชาพระสิวลี
ต้องเริ่มจากการหมั่นบริจาคทานในที่ๆ
ยากลำบาก คือ หัวใจของการบูชาพระสิวลีให้ได้ผลดี
เพราะในอดีตทุก ๆ ชาติที่ผ่านมา พระสิวลีท่านจะทำบุญด้วยศรัทธาที่เต็มเปี่ยม
ทำบุญด้วยศรัทธาเต็มร้อย แม้ว่าของที่ทำบุญจะราคาไม่แพง
แต่ก็เป็นการถวายที่ทรงคุณค่า เพราะเป็นการให้ในสิ่งที่ผู้รับต้องการ
ดุจการได้น้ำในทะเลทราย ดุจการได้อาหารในยามหิว
ดังนั้นผู้ที่ต้องการที่จะให้พระสิวลีท่านช่วยควรจะบริจาคทาน
ให้สิ่งของในผู้ยากไร้มากๆ ท่านจะได้อานิสงส์บุญมาก และต้องอุทิศบุญนั้นส่งไปให้พระสิวลีทุกครั้ง
เป็นการเปิดบุญและเชื่อมบุญกับท่าน เพื่อให้ท่านรู้จักเรา และรับรู้ความต้องการของเราได้
การบูชาพระสีวลีนั้น ให้บูชาด้วย
1.
น้ำผึ้ง
ผลไม้สด ดอกไม้ขาว หรือ ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมหรือดอกบัวทุกชนิด อย่างละ 3 ดอก 5 ดอก หรือ 7
ดอก ก็ได้
2.
น้ำสะอาด 1
แก้ว โดยลอยดอกมะลิไว้บนน้ำ
3.
แล้วจุดธูป
3 ดอก เทียนบูชา 1
เล่ม
เคล็ดโบราณนั้นกล่าวไว้ว่า
การถวายผลไม้สด และน้ำผึ้งควรถวายในวันพฤหัสบดี ส่วนวันเสาร์ควรถวายอาหารจากทะเล หรืออาหารที่ปรุงจากต้นบัว
แล้วอธิษฐานจิตขอให้โชคสำเร็จ สมหวัง และเมื่อท่านได้โชคได้ลาภสมดังหวังแล้ว
จะต้องทำบุญเลี้ยง หรือถวายสังฆทานเพื่อเป็นการต่อโชคลาภให้มาไม่ขาดสาย
การสวดพระคาถาขอลาภพระสีวลี
ต้องอยู่ในสมาธิที่สงบแน่วแน่ จิตไม่ส่ายไปมา ไม่คิดถึงในเรื่องอื่น
ตามองที่คาถาบูชา หรือหลับตาภาวนานึกถึงตัวอักขระตามไป
ถ้าสวดได้ทุกวัน จนครบ 7 วันได้ยิ่งดี ในกรณีทีท่านต้องการจะขอลาภเป็นพิเศษ
อาทิ จะต้องติดต่อธุรกิจสำคัญใด ๆ ในวันนั้น ให้สวดคาถาบูชาพระสีวลีก่อน
เมื่อเสร็จแล้วต่อด้วย คาถาขอลาภพระสีวลีประจำวัน ตามกำลังวันของวันนั้น ๆ จะเป็นพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ตามจิตปรารถนา
ค้าขายดี มีราศี ดังต่อไปนี้
คาถาบูชาพระสิวลี
” สีวะลี มะหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ สัพพะทาฯ
สิวสีจะ มะหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ สัพพะทาฯ
สิวะลีเถระคุณังเอตัง โสตถุลาภัง ภะวันตุฯ “
สิวสีจะ มะหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ สัพพะทาฯ
สิวะลีเถระคุณังเอตัง โสตถุลาภัง ภะวันตุฯ “
คาถาบทนี้ท่านให้ภาวนาก่อนนอนหรือหลังตื่นนอนแล้วก่อนไปทำงานนอกบ้าน
เชื่อว่า จะทำให้เกิดลาภร่ำรวยในการค้าขาย สะดวกในเรื่องธุรกิจติดต่อศัตรูหมู่มารที่มุ่งร้าย
จะกลับกลายเป็นมิตร มีแต่ความสุขสันติเป็นสิริมงคลชีวิตตลอดไป
เชื่อว่า จะทำให้เกิดลาภร่ำรวยในการค้าขาย สะดวกในเรื่องธุรกิจติดต่อศัตรูหมู่มารที่มุ่งร้าย
จะกลับกลายเป็นมิตร มีแต่ความสุขสันติเป็นสิริมงคลชีวิตตลอดไป
(สำหรับคาถาบูชาพระสิวลีนั้น
มีครูบาอาจารย์ได้แต่งขึ้นมาบูชาท่านหลายสำนัก กล่าวกันว่าทุกสำนักนั้นถูกต้องหมดทั้งสิ้น
เพราะเต็มไปด้วยอักขระที่ทรงพลานุภาพทุกตัวอักษร)
บทความจาก ธ.ธรรมรักษ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น