วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อำนาจที่ยิ่งใหญ่นั้นไม่ใช่อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แต่อย่างใด แต่เป็นอำนาจแห่งกรรม



สำหรับในเรื่องของอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ นั้น ครูบาอาจารย์ท่านบอกตรงกันว่าเป็น “ของเล่น” ไม่ใช่ “ของจริง” แต่ท่านก็ไม่ได้ห้าม ให้พิจารณากันเองตามบุญและกรรมที่ทำมา

สำหรับ การสวดพระพุทธมนต์นี้ มีผู้รู้ได้สันนิษฐานไว้ว่า อาจจะเกิดขึ้นครั้งแรกใน ประเทศลังกา ราวประมาณ พ.ศ. ๕๐๐ ด้วยที่ว่าชาวลังกาที่นับถือพุทธศาสนาในขณะนั้น ประสงค์ให้พระสงฆ์ได้ช่วยเหลือตน เพื่อให้เกิดสิริมงคลต่อตนและป้องกันภยันตรายต่างๆ ซึ่งมีมากมายในยุคนั้น

ด้วย ชาวลังกาจำนวนมากเชื่อว่า การสวดมนต์และคาถาตามแบบอย่างพราหมณ์หรือผู้ทรงเวท จะทำให้เกิดสิริมงคล และป้องกันภยันตรายแก่มหาชนได้ และพระสงฆ์ซึ่งเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ที่ชาวลังกาถือว่าเป็นผู้มีพระเมตตา พระมหากรุณา พระบารมีเหนือใครทั้งสิ้นใน 3 โลก จึงเชื่อว่าพระสงฆ์เหล่านั้นที่เป็นสาวกต้องช่วยตนเองได้แน่นอน

ด้วย เหตุนี้พระสงฆ์ลังกา เชื่อว่าท่านเองอาจจะไม่อยากขัดศรัทธา แต่ก็ไม่อยากทำให้ผิดพระธรรมวินัย จึงได้คิดวิธีสวด พระพุทธมนต์ขึ้น โดยเลือกเอาพระสูตรหรือคาถาที่สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย อันเกิดขึ้นเนื่องด้วยเหตุการณ์ต่างๆ มาสวดเป็นมนต์

โดยการ สวดครั้งแรกๆ ก็ขึ้นกับเหตุการณ์ที่ไปสวด เช่น ไปสวดพิธีมงคลก็ใช้ มงคลสูตรสวด สวดให้คนเจ็บป่วยก็ใช้ “โพชฌงคสูตร” ครั้นคนนิยมมากขึ้น ก็ได้คิดค้นพระสูตรต่างๆ มาสวดเป็น พระพุทธมนต์ มากขึ้นเป็นลำดับ

ต่อ มาพระเจ้าแผ่นดินใน ประเทศลังกาก็ได้รับสั่งให้คณะสงฆ์ปรับปรุงพระสูตร และคาถาที่ใช้สวดพระพุทธมนต์ขึ้นใหม่ให้เหมาะกับเหตุการณ์ เพื่อใช้ในพระราชพิธีหลวงโดยได้เพิ่มพระสูตรและคาถาให้มากขึ้น และเรียกว่า “ราชปริตร” ซึ่งแปลว่า มนต์คุ้มครองพระเจ้าแผ่นดิน

ต่อ มาประชาชนต่างก็นิยมให้มีการสวดพระปริตรในพิธีของตนบ้าง จึงเกิดเป็นประเพณีสืบต่อกันมาและสำหรับเมืองไทยนั้นสันนิษฐานว่าได้รับ อิทธิพลนี้มาตั้งแต่ครั้งอาณาจักรสุโขทัยเป็นราชธานีที่มีการสืบทอดพระพุทธ ศาสนาสายลังกา และได้รับความศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนจนถึงปัจจุบันนี้

บท สวดมนต์ในพระพุทธศาสนานั้นเป็นบทสวดที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นมงคลจริง ซึ่งสิ่งใดก็ตามในโลกนี้ถ้าเป็นของจริงแท้ นำมาซึ่งประโยชน์สุขไม่มีสิ่งอันไม่เป็นมงคลเจือปน สิ่งนั้นจะดำรงอยู่ชั่วกาลนานไม่มีเสื่อมลงไปในระยะเวลาอันใกล้ ดังเช่นมีลัทธิต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นหลังจากพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานที่ล้มหายตายจากไปมากมาย แต่บทสวดพุทธมนต์ซึ่งเป็นของดี ของจริงแท้จึงไม่มีได้เสื่อมลงไปมีการสืบทอดกันตลอดเวลายาวนานที่ผ่านมา

และ ในเวลาต่อมาได้มีครูบาอาจารย์ ผู้ทรงความรู้ในพระพุทธศาสนาอย่างแตกฉานได้แต่งคาถาขึ้นมาเพื่อสรรเสริญพระ พุทธ พระธรรม พระสงฆ์และเพื่อการต่างๆ ขึ้นมาซึ่งได้รับความศรัทธาเป็นอันมากจากประชาชน

อันเนื่องมา จากมีผู้ที่สวดคาถาต่างๆ แล้วเกิดผลดีต่อชีวิต และหลายคนพบกับปาฏิหาริย์ที่ไม่คาดคิด เรื่องของการสวดมนต์และสวดคาถาต่างๆ จึงกลายเป็นสิ่งยืดเหนี่ยวทางใจที่สำคัญของคนไทยเป็นอย่างยิ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น