“สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
การให้ธรรมเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง”
ทานสูตร
[๒๗๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทาน ๒ อย่างนี้ คือ
อามิสทาน ๑ ธรรมทาน ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาทาน ๒ อย่างนี้ ธรรมทานเป็นเลิศ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การแจกจ่าย ๒ อย่างนี้ คือ
การแจกจ่ายอามิส ๑ การแจกจ่ายธรรม ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาการแจกจ่าย ๒ อย่างนี้
การแจกจ่ายธรรมเป็นเลิศ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การอนุเคราะห์ ๒ อย่างนี้ คือ
การอนุเคราะห์ด้วย อามิส ๑ การอนุเคราะห์ด้วยธรรม ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บรรดาการอนุเคราะห์ ๒ อย่างนี้ การอนุเคราะห์ด้วยธรรมเป็นเลิศ ฯ
พระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ตรัสทานใดว่าอย่างยิ่ง ยอดเยี่ยม
พระผู้มีพระภาคได้ทรงสรรเสริญการแจกจ่ายทานใดว่าอย่างยิ่งยอดเยี่ยม
วิญญูชนผู้มีจิตเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอริยสงฆ์ผู้เป็นเขตอันเลิศ
รู้ชัดอยู่ซึ่งทานและการแจกจ่ายทานนั้นๆ ใครจะไม่พึงบูชา (ให้ทาน) ในกาลอัน ควรเล่า
ประโยชน์อย่างยิ่งนั้น ของผู้แสดงและผู้ฟังทั้ง ๒
ผู้มีจิตเลื่อมใสในคำสั่งสอนของพระสุคตย่อมหมดจด ประโยชน์อย่างยิ่งนั้น
ของผู้ไม่ประมาทแล้วในคำสั่งสอนของพระสุคต ย่อมหมดจด ฯ
จาก :
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ สุตตันตปิฎกที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน
| ||
“อกฺขรา เอกํ เอกญฺจ พุทฺธรูปํ สมํ สิยา
สร้างอักขรธรรมหนึ่งอักษร เท่ากับสร้างพระพุทธรูปหนึ่งองค์”
| ||
อานิสงส์สร้างหนังสือ
หรือถวายหนังสือ ดั่งประทีปส่องทางให้เห็นนรกและสวรรค์
ผู้นั้นจะได้อานิสงส์เพิ่มพูน กุศลจริยาเป็นเอนกอนันต์ ได้รับชัยชนะต่อจิตใจตนเอง
และผู้อื่น มีความรู้ การศึกษาสูง บังเกิดผลบุญอันยิ่งใหญ่ไพศาลทั้งในชาตินี้
และชาติหน้า
ดังมีใจความว่า
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จประทับอยู่ในเชตวันมหาวิหาร ณ
กรุงสาวัตถี ในเวลานั้นพระสารีบุตรเถระเจ้า มีความประสงค์ว่า
จักทูลถามพระพุทธเจ้าให้ทรงแสดงธรรมประกาศอานิสงส์สร้างพระไตรปิฎก
ให้ทราบทั่วถึงกันแก่พุทธบริษัทพระเถระเจ้าก็เข้าเฝ้าทูลถาม
แก่พระผู้มีพระภาคเจ้า ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ถ้าชนทั้งหลายให้พุทธศาสนายืนยาวถึง ๕ พันวัสสา จะมีอานิสงส์เป็นประการใด
พระพุทธเจ้าข้า
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
ดูกรท่านสารีบุตร ถ้าชนทั้งหลายมีจิตรศรัทธาเลื่อมใสเช่นนั้นแล้ว
เมื่อตายไปแล้วก็จักได้ เสวยราชสมบัติ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชถึง ๘ หมื่น ๔
พันกัลป์ ใช่แต่เท่านั้น เมื่อเคลื่อนจากความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิแล้ว
ก็จะได้เป็นพระราชา มีอนุภาพอีก ๙ อสงไขย ต่อจากนั้น ก็ได้เสวยสมบัติ ในตระกูลต่าง
ๆ เป็นลำดับไป คือตระกูลพราหมณ์มหาศาล ตระกูลเศรษฐีคฤหบดี
และเป็นภูมิเทวดาอากาศเทวดา อย่างละ ๙ อสงไขย ต่อแต่นั้นก็จะได้เสวย ในสวรรค์ทั้ง ๖
ชั้น เป็นลำดับไปชั้นละ ๘ อสงไขย เมื่อจุติจากชั้นเทวโลกแล้ว
มาถือกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะมีร่างกายบริสุทธิ์ผุดผ่อง เป็นที่รักใคร่ แก่คน
ทั้งหลาย ที่ได้พบเห็นทั้งน้ำใจก็บริสุทธิ์สุจริต ปราศจากบาปธรรมอกุศลทั้งปวง
และเป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด รอบรู้ทั้งทางโลก และทางธรรม ดังนี้เป็นต้น
ดูกรท่านสารีบุตรเมื่อตถาคตสร้างบารมีอยู่
ได้เกิดเป็นอำมาตย์ของพุทธบิดา แห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า ปุราณโคดม
ได้สร้าง พระไตรปิฎก ไว้ให้สืบองค์ได้ตั้งความปรารถนา
ขอตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์หนึ่งเถิดในอนาคตกาลโน้น
สมเด็จพระปุราณโคดมบรมศาสดา ทรงพยากรณ์ไว้ว่า อำมาตย์ผู้นี้ต่อไปภายภาคหน้า
จะได้ตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งมีพระนามว่า พระสมณโคดมก็คือพระตถาคต
เรานี้เองดังนี้ แลก็สิ้นสุด พระกระแสธรรมเทศนา
ที่พระบรมศาสดาทรงแสดงแก่พระสารีบุตรเถระเจ้าแต่เพียงเท่านี้
| ||
| ||
ธรรมทาน
เป็นเครื่องเตือนสติให้เราระลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ ของสรรพสิ่งทั้งหลาย
ทั้งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิต เป็นหนทางหนึ่ง อย่างเช่นการรู้คุณของพ่อแม่
รู้คุณแผ่นดินเกิด คุณธรรมทั้งหลายนี้ ถือว่าเป็นต้นน้ำแห่งพระธรรม(ความเป็นจริง)
ที่สามารถฉุดช่วยผู้คนให้พ้นภัยเวียนได้ทัน เพราะการชี้แนะ จะด้วยกุศโลบายใดๆ
ถือเป็นเป็นมหากุศลยิ่งกว่าสร้างเจดีย์แก้วเจ็ดชั้น
ขอ ให้พระธรรมอันลึกซึ้ง
จงสถิตอยู่ทุกดวงจิต คอยติดตามปกป้องคุ้มครอง
ช่วยเตือนสติให้บังเกิดความสำนึกรู้คุณของเหตุและรู้คุณของผล จากเจตนาด้วยกาย วาจา
ใจ อันเป็นผลตอบแทนแก่บุพการีให้สมกับความเป็นมนุษย์ทั้งหลายอย่างแท้จริง
1. กรรมเวรจากอดีตชาติจะได้ลบล้าง
2. หนี้เวรจะได้คลี่คลาย
พ้นภัยจากทะเลทุกข์
3.
โรคภัยไข้เจ็บจากเจ้ากรรมนายเวรจะพ้นไป
4.
สามีภรรยาที่แตกแยกจะคืนดีต่อกัน
5.
วิญญาณของเด็กที่แท้งในท้องจะได้ไปเกิดใหม่
6.
กิจการงานจะราบรื่นสมความปรารถนา
7.
บุตรจะเฉลียวฉลาดและเจริญรุ่งเรือง
8.
บารมีคุ้มครองลูกหลานให้อยู่เย็นเป็นสุข
9. พ่อแม่จะมีอายุยืน
10.
ลูกหลานเกเรจะเปลี่ยนแปลงเป็นคนดี
11.
วิญญาณทุกข์ของบรรพบุรุษจะพ้นจากการถูกทรมานไปสู่สุคติ
การแจกหนังสือเป็นธรรมทาน
อานิสงส์จากการให้ธรรมทาน จะเป็นไปตามความมุ่งมั่นศรัทธาและความบริสุทธิ์ใจ
ซึ่งผู้ให้จะสัมผัสรับรู้ได้เอง.
| ||
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น